วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการตรวจยึดสิ่งของดังนี้

1. รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สี จำนวน 1 คันและกุญแจรถยนต์ จำนวน 2 ดอก

2. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีขาว,แดง จำนวน 1 คัน

3.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีดำ,เทา จำนวน 1 คัน

4.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีขาว,แดง จำนวน 1 คัน

5.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สี ดำ จำนวน 1 คัน

6.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีเทา จำนวน 1 คัน

7.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีเทา, จำนวน 1 คัน

8.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HONDA สีแดง,ดำ จำนวน 1 คัน

9. โทรศัพท์ของนายทรงกล ฯ ยี่ห้อ OPPO A58 ชนิดสามารถใช้ได้กับซิมการ์ด จำนวน 2 ซิม

10. โทรศัพท์ของนายธงชัย ฯ ยี่ห้อ vivo Y12A-S ชนิดสามารถใช้ได้กับซิมการ์ด จำนวน 2 ซิม รวมที่ตรวจยึด รถยนต์ จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 8 คัน สถานที่ตรวจยึด หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงนาดี ทล. 304 กม. 207 ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี สถานที่เกิดเหตุ ทางหลวง หมายเลข 304 หลักกิโลเมตรที่ 197-198 ถ.กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ตำบล บุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี

โดยตรวจยึดจาก นายทรงกรด ฯ อายุ 42 ปี อาศัยใน หมู่ที่ 6 ตำบล ด่านใน อำเภอ ด่านขุนทด จังหวัด นครราชสีมา และนายธงชัย ฯ อายุ 38 อาศัยอยู่ใน หมู่ที่ 7 ตำบล ตลาด อำเภอ เมืองนครราชสีมา จังหวัด นครราชสีมา

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบบรรทุกรถจักรยานยนต์เพื่อไปขาย โดยใช้รถกระบะตู้ทึบยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว จึงได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อสกัดรถคันดังกล่าว

จนกระทั่งตรวจบนทางหลวง หมายเลข 304 หลักกิโลเมตรที่ 197-198 ถ.กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี ปราจีนบุรี พบรถกระบะ ซึ่งเป็นรถบรรทุกกระบะตู้ทึบวิ่งผ่านมาลักษณะ มีการบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำเกินกว่าปกติ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถข้างทาง โดยคนขับรถยนต์คันดังกล่าวได้จอดรถข้างทาง จึงได้ตรวจสอบพบคนขับคือนายทรงกรด ฯ (ทราบชื่อขณะตรวจสอบ) โดยใช้ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล และ นายธงชัย ฯ เป็นผู้โดยสารมาด้วย จึงได้ขอตรวจสอบภายในรถกระบะ ซึ่งก่อนการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้นายทรงกรดฯแล้ว จนนายทรงกรดฯ พึงพอใจยินยอมให้ตรวจสอบภายในรถด้วยความสมัครใจ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าภายในรถบรรทุกตู้บรรทุกรถจักรยานยนต์ (ตามรายการข้างต้น) จึงได้สอบถามนายทรงกรดฯ ถึงที่มาของรถจักรยานยนต์ทั้งหมด นายทรงกรดฯ แจ้งว่า

รถจักรยานยนต์คันที่ 2 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา

รถจักรยานยนต์คันที่ 3 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา

รถจักรยานยนต์คันที่ 4 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา

รถจักรยานยนต์คันที่ 5 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา

รถจักรยานยนต์คันที่ 6 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา

รถจักรยานยนต์คันที่ 7 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา รถจักรยานยนต์

คันที่ 8 รับรถมาจากจังหวัดชลบุรี แหลมฉบัง ส่งที่ จังหวัดนครราชสีมา เบื้องต้นส่งที่นครราชสีมา แล้วให้แจ้งไปที่ปลายทาง ซึ่งปลายทางจะแจ้งเส้นทางต่อไป

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด สอบถามถึงเอกสารการครอบครองรถจักรยานยนต์ทั้งหมด นายทรงกรดฯ ไม่สามารถแสดงเอกสารการครอบครองรถได้ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงนำรถกระบะคันดังกล่าวมาทำตรวจยึดที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงนาดี ทล.304 กม.207 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยแจ้งกับผู้ครอบครองว่าเป็นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ต้องสงสัยว่าได้มาหรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อทำการส่งตรวจสอบที่ กก.2 บก.ป.และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยมีนายทรงกรดฯ ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดไว้ด้วยความสมัครใจ

อนึ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดทุกนายมิได้ทำร้ายร่างกาย ผู้หนึ่งผู้ใดให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแต่อย่างใด มิได้บังคับ ขู่เข็ญ หรือส่อลวงแต่อย่างใด มิได้ทำให้ทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดต้องเสียหาย สูญหาย หรือเสื่อมค่าแต่อย่างใด และมิได้เรียกรับหรือยินยอมจะรับเอาซึ่งทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดมาเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือบุคคลอื่นและได้ร่วมกับผู้ครอบครอง ตรวจสอบทรัพย์สินภายในรถอีกครั้งหนึ่งแล้วไม่พบว่ามีสิ่งของมีค่าแต่อย่างใด ได้อ่านบันทึกการตรวจยืดนี้ให้ฟังและให้อ่านเองจนเป็นที่เข้าใจโดยละเอียดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้อ่านบันทึกนี้ให้ฟังและให้อ่านเองแล้ว รับว่าถูกต้องโดยได้มอบสำเนาบันทึกการตรวจยึด ให้ผู้ยินยอมให้ทำการตรวจยึดไว้แล้ว จึงให้ลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน