ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธาน เห็นชอบปรับปรุงเงื่อนไข รายการสินค้าต้องห้าม ที่ไม่สามารถใช้เงินในโครงการ หรือ negative list โดยเพิ่ม สินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับ รับนำเสนอความเห็นจากสำนักงบประมาณเสนอบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่พิจารณายกเลิกการดึงเงินสภาพคล่องส่วนเกิน ของ ธ.ก.ส. ตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาใช้ดำเนินโครงการ

หลังประเมินว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ อาจต่ำกว่า ร้อยละ 90 ของจำนวนผู้มีคุณสมบัติ เข้าเงื่อนไขทั้งหมด หรือ ต่ำกว่า 50 ล้านคน ส่งผลให้ วงเงินที่ใช้ดำเนินโครงการ ลดลง จาก 5 แสนล้านบาท เหลือประมาณ 4.5 แสนล้านบาท

โดยใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2 ปีงบประมาณตามปกติ ได้แก่ กรอบงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท งบประมาณจากการบริหารจัดการทางการคลัง และงบประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณเพิ่มเติม 152,700 แสนล้านบาท และ การบริหารจัดการ 1.323 แสนล้านบาท โดยไม่กระทบงบประมาณลงทุนและงบประมาณรายจ่ายประจำ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี จะแถลงรายละเอียด การลงทะเบียนร้านค้า และประชาชน ในวันที่ 24 ก.ค.นี้

โดยประชาชน สามารถทยอยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" เพื่อลดความแออัดของระบบ ยืนยันตัวตน และลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เมื่อรัฐบาลเปิดระบบลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ ก็สามารถยืนยันว่าจะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะปิดลงทะเบียน ในเดือน ก.ย.2567

พร้อมย้ำว่า ประชาชนจะเริ่มใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ปลายปีนี้แน่นอน