แม่พาลูกสาววัย 15 เข้าร้องกองปราบช่วยหลังถูกชายใช้มีดจี้บังคับลวงไปอนาจาร และกักขังไว้ที่บ้านนาน 3 ชั่วโมง
วันนี้ ( 10 ก.ค.67) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาผูู้เสียหายวัย 15 ปี พร้อมพร้อมครอบครัว เดินทางมาแจ้งวามร้องทุกข์ ที่กองปราบฯ หลังผู้เสียหาย ถูกชายผู้ก่อเหตุใช้มีดจี้ขึ้นรถมอเตอร์ไซต์ ลวงไปที่บ้าน ล่วงละเมิดทางเพศและกักขังผู้เสียหายกว่า 3 ชม. ก่อนแจ้งความคดีไม่คืบ
นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่าผู้ก่อเหตุใช้มีดจี้เธอขึ้นรถมอเตอร์ขณะกลับไปที่บ้านตา แต่ผู้ก่อเหตุขับรถพาเธอไปที่บ้านของเขา จากนั้นเมื่อถึงบ้านผู้ก่อเหตุใช้ปืนจ่อมาหน้า และบังคับให้ถอดเสื้อผ้า แต่ตัวเองไม่ได้ถอดและขัดขืน ผู้ก่อเหตุจึงล่วงละเมิดเธอ โดยใช้มือจับไปที่อวัยวะเพศ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะออกจากบ้านไป พร้อมกับขังเธอไว้ในบ้านนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีคนมาตะโกนเรียกหาที่หน้าบ้าน เธอจึงตะโกนขอความช่วยเหลือกลับ และพังประตูออกจากบ้านไป ขณะที่เธอหาทางหนี เธอได้เจอกับแม่ผู้ก่อเหตุ และได้พยายามขอความช่วยเหลือแต่แม่ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ”ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะลูกชายเป็นแบบนี้“
ด้าย นาย อานนท์ จำปาเทศ อายุ 41 ปี ตาของผู้เสียหาย เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนของตัวเองที่เพิ่งรู้จักกันได้ 2-3 เดือนที่ผ่านมาจากวงเหล้า โดยวันเกิดเหตุช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตัวเองและผู้ก่อเหตุและเพื่อนคนอื่นๆ นั่งดื่มแอลกอฮอล์บริเวณหน้าบ้านของตัวเอง ซึ่งหลานได้ออกมานั่งด้วยแต่ไม่ได้ดื่ม จากนั้นตกลงกันว่าจะย้ายไปดื่มที่บ้านเพื่อน โดยให้หลานสาวซ้อนรถผู้ก่อเหตุไป เพราะรถตัวเองไม่พอ ในขณะที่เดินทางไปบ้านเพื่อนนั้นพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อกำลังจะขับรถกลับบ้าน ผู้ก่อเหตุพร้อมหลานสาวกลับหายไป ส่วนตัวจึงนั่งรอที่บ้านเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกตามหาหลานสาว และไปเจอหลานที่บ้านผู้ก่อเหตุ จึงได้ตะโกนเรียก ก่อนจะได้ยินเสียงหลายตะโกนออกมา ก่อนหลานสาวจะพังประตูบ้านออกมา
ส่วนตัวไม่รู้เลยว่าเพื่อนเป็นคนแบบนี้ และไม่ได้ถามเพื่อนถึงสาเหตุที่ทำลงไป ซึ่งหลังเกิดเหตุตัวเองก็ไม่ได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุอีก ทั้งนี้หลานสาวก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง ตัวเองก็ไม่ได้ถามเพราะตอนนั้นคิดแค่ว่าได้นำตัวหลานสาวออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว
ขณะที่นางสาวกาญจนา ทรงมะลิ อายุ 31 ปี แม่ผู้เสียหาย เผยว่า เมื่อตัวเองรู้เรื่องหลังกลับมาจากทำงานที่ต่างประเทศ จึงได้เดินทางไปที่บ้านผู้ก่อเหตุ ทำให้ได้เจอผู้ก่อเหตุ ก่อนมีปากเสียงกัน นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังโพสต์เฟสบุ๊กขู่ฆ่า ตัวเองจึงพาลูกสาวไปแจ้งความที่ สภ.สามโคก เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพราะผู้ก่อเหตุยังวนเวียนอยูาบริเวณบ้าน ซึ่งกลัวว่าลูกสาวและหลานสาวยจะไม่ได้รับความปลอดภัย
ยังคงกังวลว่าจะไม่มีผลต่อคดีเพราะเหตุการ์ณผ่าตมานานหลายเดือนแล้ว และผู้ก่อเหตุยังลอยนวล อีกทั้งยังรู้สึกเกรงกลัว เพราะเคยอ้างว่า “จะแจ้งตำรวจจับก็จะไม่หนี” จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องกองปราบ เนื่องจากอยากให้ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดี
ด้าน จ่าคิงห์ มองว่าพฤติกรรมของชายรายนี้เป็นภัยสังคม ซึ่งเห็นความผิดชัดเจน จึงได้ประสานทาง พม. เพื่อเข้าไปที่บ้าน และฝากถึงผู้กำกับ สภ.สามโคก และผู้บังคับการ จังหวักปทุมธานี ให้ช่วยติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน