รวบ ติ๊ก-นาวา แฝงตัวบ้าน ceo สื่อโฆษณา ฉกภาพโบราณ 120 ปี เลียนแบบหนังดัง

รวบ ติ๊ก-นาวา แฝงตัวบ้าน ceo สื่อโฆษณา ฉกภาพโบราณ 120 ปี เลียนแบบหนังดัง

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. . เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. (สืบนครบาล) ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายนาวา หรือ “ไดรเวอร์ติ๊ก” อายุ 36 ปี ภูมิลำเนา ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล โดยกล่าวหวว่า ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร

จากการตรวจสอบพบประวัติต้องโทษคดีอาญาจำนวนสองคดีดังนี้ 1. ข้อหาเป็นเจ้ามือ หรือ จีดให้มีการเล่นพนัน สภ.สำโรงเหนือ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2558 2. ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด, ข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น สภ.สำโรงเหนือ 18 ก.ย.2564

พฤติการณ์กล่าวคือ พระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุ 120 ปีจำนวน 4 ภาพ อันเป็นมรดกตกทอดของ ตระกูลดัง ของเก่าสุดล้ำค่าชนิดที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ ถูกเก็บเอาไว้อย่างดีภายในคฤหาสน์หรูย่านอุดมสุขของ CEO หนุ่มสื่อโฆษณาชื่อดัง แม้ว่าสมบัติล้ำค่าดังกล่าวจะถูกเก็บในที่ที่มีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่นเพียงใด แต่ก็ยังเป็นที่หมายปองของ นาวาติ๊ก โจรที่แฝงตัวเขามาในตระกูลพร้อมด้วยแผนปฏิบัติการสุดแยบยล เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปลายปี 2565 นายนาวา หรือติ๊ก ได้สมัครงานเข้ามาเป็นพนักงานขับรถให้กับ CEO หนุ่มชื่อดัง แรกเริ่มเป็นเพียงคนขับรถธรรมดามิได้มีสิทธิพิเศษเข้านอกออกในคฤหาสน์หรูได้ แต่ด้วยด้วยทักษะความสามารถพิเศษ หวานเจี๊ยบ ใช้เวลาเพียงปีเศษ ทลายกำแพงความไว้ใจจากคนในบ้านจนสามารถเข้านอกออกในคฤหาสน์ได้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน สายตาที่คอยสอดส่องดั่งหมาเฝ้าบ้านอันแสนจะเป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้านาย แท้จริงกลับเป็นการสอดส่องสิ่งของมีค่าในคฤหาสน์หรู

กระทั่งคนร้ายได้พบกับสมบัติล้ำค่าดังกล่าวที่ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บริเวณคฤหาสน์ แผนร้ายถูกวางแต่เมื่อใดยังไม่ทราบ แต่เมื่อถึงวันที่ 4 พ.ค.67 เวลาประมาณ 14.00 น. จู่ๆก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ในคฤหาสน์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ต้นเพลิงมาจากห้องควบคุมไฟฟ้าทำให้ระบบไฟฟ้าและกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน ผู้คนภายในบ้านชุลมุนวุ่นวายหนีเอาชีวิตรอดออก คนร้ายไร้ความตื่นตระหนกเข้าประกบเจ้านายทำทีห่วงใยก่อนจะพาออกจากคฤหาสน์จนหมด คนร้ายช่วงชิงสถานการณ์อลหม่านตรงดิ่งไปฉกเอาสมบัติล้ำค่าจำนวน 4 ภาพ ยกขึ้นรถตรงดิ่งไปยังตลาดมืดทันที และที่แสบทรวงคือคนร้ายยังกลับมาทำงานอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังเพลิงสงบลง CEO หนุ่ม ตรวจสอบทรัพย์สินในคฤหาสน์ก็พบว่าสมบัติอันล้ำค่าหายไปทำเอาหน้าถอดสี โร่ขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดี แรกเริ่มเหมือนจะจับมือใครดมไม่ได้ คดีมีท่าทีจะจบลงแบบ ไม่รู้ตัว กระทั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.“งมเข็มในหมาสมุทร” พบเบาะแสจากตลาดมืดว่ามีพ่อค้าของสะสมในพื้นที่ จ.ชลบุรี , นครปฐม และนนทบุรี รับซื้อของล้ำค่าดังกล่าวไว้ในราคาทั้งหมด 100,000 บาท ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางนา จึงออกหมายจับคนร้ายรายนี้ได้ในที่สุด และวันนี้ (8 ก.ค. 67) พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังชุดสืบนครบาล บุกไปจับกุมตัว นายนาวา หรือติ๊ก โดยจับกุมที่กลางถนนปทุมวัน ซึ่งในขณะจับกุมคนร้ายยังคงทำงานเป็นคนขับรถให้ CEO หนุ่มอยู่เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างความตกใจกับ CEO หนุ่มเป็นอย่างยิ่ง หลังจับกุมตัวได้ นำตัว นายนาวาฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

ในชั้นจับกุม ผู้ถูกจับให้การรับสารภาพว่าได้ลักทรัพย์ของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์” พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุกว่า 100 ปี ของผู้เสียหายไปจริง โดยนำภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ไปจำหน่ายยังร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง 4 รูป มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท แต่ที่แท้จริงแล้ว ทรัพย์ดังกล่าวของผู้เสียหายเป็นทรัพย์ที่ได้รับการตกทอดมรดกจากรุ่นสู่รุ่น กว่า 100 ปี ซึ่งมูลค่าความเสียหายนั้น ไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่หายากและมีมูลค่าแก่ทางจิตใจของครอบครัวและตระกูลของผู้เสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัว นำส่ง ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนาเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ถือเป็นการเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนทั่วไป ผู้ซึ่งกำลังมองหาบุคคลากรที่จะเข้ามาทำงานไกล้ตัวหรือในบ้านของตนเอง การคัดเลือกบุคลากรที่มีประสบการณ์นั้นถือเป็นเรื่องต้องมีพิถีพิถันมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วนั้น การเลือกบุคลากรที่มีความน่าไว้ใจและ “ซื่อสัตย์สุจริต” นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า เช่นนั้นอาจเป็นเช่นคดีนี้ ซึ่งนายนาวาฯ ประกอบอาชีพขับรถผู้บริหารมาโดยตลอดแต่มักจะเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยและเลือกสมัครงานในบริษัทที่ตนจะได้เป็นที่ไว้ใจเนื้อเชื่อใจของเจ้านาย จึงน่าเชื่อได้ว่าไม่ได้ทำหรือก่อเหตุเช่นนี้แค่เพียงคดีนี้คดีเดียว แต่อาจมีผู้เสียหายรายอื่นที่เคยตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก ดังนั้นผมจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าหากมีผู้ใดเคยตกเป็นเหยื่อของ “ไดรเวอร์ติ๊ก” รายนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB”

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ