รวบกลุ่มขายฝันหลอกคนไทยไปทำงานตปท. อ้างเงินเดือนสูง ที่แท้ลวงกักขัง-บังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์

รวบกลุ่มขายฝันหลอกคนไทยไปทำงานตปท. อ้างเงินเดือนสูง ที่แท้ลวงกักขัง-บังคับเป็นคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2567 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.2 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา ได้แก่

1.นายธีรพลฯ หรือ นายธนพลฯ อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2871/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567

สถานที่จับกุม บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ถนนประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลาง

1. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน รุ่น 14 โปรแม็กซ์ จำนวน 1 เครื่อง

2. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ เหมยตู จำนวน 1 เครื่อง

3. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟน รุ่น 11 จำนวน 1 เครื่่อง

2. นางสาวอรัญญาฯ อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2870/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย

และทำการแจ้งข้อหาเพิ่มในเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานครกับผู้ต้องหา 1 ราย ได้แก่ นางสาวณัฐณิชาฯ อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2869/2567 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2567

โดยทั้ง 3 คนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฯ ในความผิดฐาน

1. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ถ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมีชอบ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การเอาคนลงเป็นทาสหรือให้มีลักษณะคล้ายทาส และการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันอันเป็นการขูตรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ และผู้ที่สมคบกันกระทำความผิดคนใดคนหนึ่ง ได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน (พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 ประกอบ 6/1, 9, 52)

2. ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหา พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด จัดให้ อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นโดยมิชอบ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การเอาคนลงเป็นทาสหรือให้มีลักษณะคล้ายทาส และการอื่นใดอันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6ประกอบ 6/1, 10, 52)

3.ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาน เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 309)

4.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 310)

5.ร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุศร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจ ด้วยประการอื่นใด พา หรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 320)

6.ร่วมกันโฆษณาจัดหางานโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด (พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 มาตรา 66, 88)

พฤติการณ์ก่อนหน้า สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ต.ค.2566 ต่อเนื่อง เดือน พ.ย.2566 รัฐบาลเมียนมาร์ และกลุ่มพันธมิตร ทางตอนเหนือของเมียนมาร์ ร่วมกับรัฐบาลจีน เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งจีนเทาขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมาร์ พร้อมส่งตัวคนไทยที่ถูกหลอกลวงมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กระทรวงการต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลือเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2566 จำนวน 266 คน

จากนั้น ได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการ คัดกรอง คัดแยกเหยื่อตามกระบวนการ NRM ที่เขตหนองจอก ขณะที่กก.2 บก.ปคม. ได้รับมอบหมายให้ทำการสืบสวนสอบสวนกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ที่มีนายเฟยหยาง เป็นหัวหน้า เฉพาะกลุ่มนี้พบว่าบุคคลที่ถูกช่วยเหลือมา เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน 8 คน มีผู้ร่วมขบวนการ จำนวน 11 คน ที่ได้ร่วมกันกระทำความผิดในคดีส่วนนี้ มีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน แบ่งเป็น ส่วนของ HR ที่เป็นคนไทย จำนวน 4 คน ทำหน้าที่หลอกคนไทยมาทำงานเป็นแอดมินตอบแชทลูกค้า จ่ายเงินเดือนๆ ละ 25,000 – 50,000 บาท จากนั้นจะส่งต่อไปยังผู้ต้องหาที่เหลือ เพื่อนำตัวไปกักขังเพื่อบังคับใช้แรงงาน และบังคับให้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประเภท Hybrid Scam คือลักษณะหลอกให้รักแล้วชวนลงทุน โดยพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับบุคคลทั้ง 11 คน ดังกล่าวไว้ในความผิดฐานตามข้างต้น

ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่านายธีรพลฯ หรือ นายธนพลฯ(ชื่อเดิม) ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีม ควบคุมการทำงานของคนไทยที่ถูกหลอกมา ให้เป็นไปตามที่นายเฟยหยาง บอสใหญ่สั่งการ โดยพบว่านายธีรพล ฯ ได้เข้ามาพักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่ง ถนนประชาอุทิศ เขตดินแดง กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบ เมื่อพบตัวจึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ พร้อมนำตัวพนักงานสอบสวน กก.2 บก. ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ โดยนายธีรพล ฯ อ้างว่าก่อนเกิดเหตุตนเองทำงานเป็นพนักงาน อยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมาร์ และได้คบหาเป็นแฟนกับชายชาวจีน ต่อมาชายชาวจีน ได้ชักชวนให้มาอยู่ด้วยกัน และได้ช่วยเป็นล่ามแปลตามที่พูดเท่านั้น โดยไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับแจ้งว่า นางสาวอรัญญาฯ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่เป็น HR. โพสต์หลอกลวงคนไทยมาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ บ้านหลังหนึ่ง ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ก่อนจะพบนางสาวอรัญญาฯ จึงควบคุมตัว ทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.เวียงชัย จ.เชียงราย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นางสาวอรัญญาฯ ให้การปฏิเสธ โดยยอมรับว่าใช้เฟซบุ๊กที่มีตัวตนปลอม จัดหาคนไทยมาทำงานจริง แต่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีการแจ้งข้อหาเพิ่มในเรือนจำ จำนวน 1 คน ได้แก่ นางสาวณัฐณิชาฯ อายุ 31 ปี ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลังพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ทำหน้าที่เป็น HR. หลอกคนมาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ยอมรับว่า จัดหาคนไทยมาทำงานจริง แต่ไม่รู้เรื่องการถูกบังคับแรงงาน หรือการทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายจะอ้างรายได้จำนวนมาก มาล่อลวงเพื่อให้เกิดความสนใจ ดังนั้นขอให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโพสต์หรือประกาศชวนเชื่อต่างๆในออนไลน์ให้ดีก่อนตัดสินใจ ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นเอเย่นต์ หรือนายหน้า หลอกลวงคนไทยไปทำงานที่ต่างประเทศ (คอลเซ็นเตอร์) ว่า

เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า 12 ปี ปรับสูงสุดถึง 1,200,000 บาท พร้อมกันนี้ความผิดฐานค้ามนุษย์ยังเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดทรัพย์ได้เช่นกัน หากประชาชนมีเบาะแส หรือได้รับความเดือนร้อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์โทรสายด่วน 1191 หรือเพจเฟซบุ๊ก กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นมืออาชีพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย คืนคุณค่าความเป็นคน ประชาชนได้พึ่งพา

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ