เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศ Koreatimes ได้มีการรายงานว่า โช ฮยอน-มุน ลูกชายกลาง (คนที่ 2 จากทั้งหมด 3 คน) ของ โช ซอก-เร ผู้ล่วงลับ ประธานกิตติมศักดิ์ของกลุ่มบริษัทฮโยซอง (Hyosung Group) กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมชั้นนำของเกาหลีใต้ ออกมาเปิดเผยว่า เขาจะบริจาคมรดกที่ตัวเองได้รับทั้งหมดคืนให้สังคม หลังก่อนหน้านี้เขาจำต้องเหินห่างจากครอบครัวเพราะความบาดหมางกับพี่น้องในตระกูล

เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ อดีตรองประธาน ฮโยซอง กรุ๊ป มีความขัดแย้งกับพี่น้องของเขามายาวนานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่เขากล่าวหา โช ฮยอน-จุน ประธานกลุ่มฮโยซอง ผู้เป็นพี่ชายของตัวเอง และผู้บริหารกลุ่มอื่น ๆ อีกหลายคนในปี 2557 ในข้อหาฉ้อโกงและละเมิดความไว้วางใจ

จากนั้น เขาถูกตอบโต้จากผู้เป็นพี่ชาย ในปี 2560 โดยยื่นเรื่องโต้แย้งอ้างว่า น้องชายทำการข่มขู่เขา และนับแต่นั้น โช ฮยอน-มุน ได้ตัดสินใจที่จะไม่ถือครองหุ้นของบริษัทในตระกูล พร้อมกับก้าวลงจากตำแหน่งผู้บริหาร และตัดสัมพันธ์กับทางครอบครัว ก่อนจะย้ายไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อดำเนินธุรกิจของตนเอง

ต่อมา เมื่อเดือนมีนาคม 2567 โช ซอก-เร ผู้เป็นพ่อ ได้เสียชีวิตลง โดยทิ้งพินัยกรรมที่หวังให้เกิดการปรองดองในหมู่ลูกชายทั้งสามคนที่บาดหมางกัน ซึ่งมีรายงานว่า โช ซอก-เร ตัดสินใจยกทรัพย์สินที่เกินส่วนแบ่งมรดกขั้นต่ำให้กับ โช ฮยอน-มุน แม้เจ้าตัวจะห่างเหินจากครอบครัวไปก็ตาม และร้องขอลูก ๆ ว่า ความผูกพันระหว่างพ่อแม่และพี่น้องนั้นช่างสูงส่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โปรดรักษาความรักฉันพี่น้องไว้

ในขณะที่ โช ฮยอน-มุน ออกมาแสดงจุดยืนระหว่างแถลงข่าวในกรุงโซล ระบุว่า เขาจะไม่เก็บเงินมรดกที่ได้รับไว้เพื่อตัวเอง แต่จะบริจาคเพื่อก่อตั้งมูลนิธิสวัสดิการสาธารณะ เขาตั้งเป้าที่จะสร้างแบบอย่างในการรับใช้ชาติและสังคม และหวังว่าทายาทร่วมคนอื่น ๆ จะให้ความร่วมมือในการให้เขาได้ก่อตั้งมูลนิธินี้ขึ้นมา เขาต้องการยุติความขัดแย้งระหว่างพี่น้องและคืนดีกันตามความปรารถนาของพ่อผู้ล่วงลับ 

นอกจากนี้ โช ฮยอน-มุน ได้ขอความร่วมมือไปยังพี่ชาย ประธานฮโยซอง กรุ๊ป และน้องชายของเขา โช ฮยอน-ซัง ซึ่งเป็นรองประธานของ HS Hyosung หนึ่งในสองบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่ม ซึ่งต้องตกลงยินยอมให้เขาเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินมรดก และหุ้นของบริษัท ที่เขาตั้งใจจะสละทั้งหมดเพื่อนำเงินไปต่อตั้งมูลนิธิดังกล่าว

สุดท้าย โช ฮยอน-มุน ยืนยันว่า ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการเป็นอิสระจาก ฮโยซอง กรุ๊ป โดยสมบูรณ์ หวังว่าพี่น้องจะเคารพและสนับสนุนการการตัดสินใจครั้งนี้ และมองว่าแบบนี้น่าจะตรงกับความปรารถนาของคุณพ่อผู้ล่วงลับ ที่เขาจะไม่เข้าไปพัวพันกับ ฮโยซอง กรุ๊ป อีกต่อไป