ทลายคาราโอเกะ นวดแผนโบราณแฝงค้ากามสาวไทย-ลาว
วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.1 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม 1. นางรัศมีฯ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 1 2. น.ส.เกศราวดีฯ สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาที่ 2 3. น.ส.ขันทองฯ สัญชาติ ลาว ผู้ต้องหาที่ 3 4. น.ส.พูเงินฯ สัญชาติลาว ผู้ต้องหาที่ 4 5. น.ส.นภาพรฯ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 5 6. นางสาวิตรีฯ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 6 7. น.ส.มาดฯ สัญชาติลาว ผู้ต้องหาที่ 7 โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดฐาน 1. เป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการการค้าประเวณีฯ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ 2. รับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตฯ ตาม พรบ.การทำงานของคนต่างด้าวฯ ผู้ต้องหาที่ 2, 5 ,6 กระทำความผิดฐาน 1. มั่วสุมในสถานการค้าประเวณีฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ
ผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 กระทำความผิดฐาน 1. มั่วสุมในสถานการค้าประเวณีฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ 2. เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานฯ พรก.บริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวฯ ผู้ต้องหาที่ 7 กระทำความผิดฐาน 1. มั่วสุมในสถานการค้าประเวณี ฯ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ 2. เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ 3. เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานฯ พ.ร.ก.บริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวฯ สถานที่จับกุม ร้านคาราโอเกะ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กก.1 บก.ปคม. ร่วมกับ สน.หนองจอก ได้ดำเนินการ ตามแผนจัดระเบียบสังคม ปกป้องสิทธิเด็กและสตรี ปราบปรามการค้ามนุษย์ และสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภท โดยได้ดำเนินการวางแผนเข้าจับกุม ร้านคาราโอเกะ ถ.ประชาราษฎร์ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งสืบทราบว่ามีการให้บริการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมทั้งมีการให้บริการนวดแผนโบราณแต่กลับมีการแอบแฝงการค้าประเวณีภายในร้านจากทั้งหญิงไทยและหญิงซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการปฏิบัติการอำพราง ล่อซื้อเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยได้เข้าไปตรวจสอบ พบมีพนักงานสาวในร้านปรนนิบัตินั่งดื่มกินกับลูกค้า และเสนอขายบริการทางเพศ จึงตกลงและจ่ายเงินค่าซื้อบริการทางเพศเป็นที่เรียบร้อย และพนักงานหญิงสาวพาขึ้นไปบริเวณห้องชั้นบนของร้าน และได้ทำการตระเตรียมถุงยางอนามัยเพื่อใช้ในการร่วมประเวณี เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุม
จากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบพื้นที่ ภายในร้านพบเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา โดยบริเวณด้านล่าง มีโต๊ะให้บริการสำหรับให้ลูกค้านั่งดื่มกิน ในส่วนบริเวณ ชั้น 2-3 มีการดัดแปลงซอยห้อง กว่า 10 ห้อง มีฟูกปูนอนกับพื้น เพื่อใช้ในการนวดแฝงค้าประเวณี และยังตรวจพบถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นภายในร้าน มีห้องน้ำใช้ร่วมกัน ไม่มีการเก็บขยะสิ่งปฏิกูลที่เป็นสัดส่วน ระบบระบายอากาศมีความแออัด ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่มีสภาพไม่ถูกสุขลักษณะพื้นฐานในการที่จะประกอบเป็นกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือ นวดแผนไทย และสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคต่างๆ เป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่มาเข้าใช้บริการ
ในส่วนของพนักงานหญิงที่ให้บริการอยู่ภายในร้าน พบเป็นพนักงานหญิงชาวไทยและหญิงต่างด้าวทั้งหมด 6 คน แบ่งเป็นเป็นชาวไทย 3 คน และ บุคคลต่างด้าวชาวลาว 3 คน และ พบเจ้าของร้าน 1 คน ทราบชื่อ คือ นางรัศมีฯ สัญชาติ ไทย แสดงตัวเป็นเจ้าของ และผู้ดูแลกิจการร้านดังกล่าว โดย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นที่บริเวณเคาน์เตอร์คิดเงินที่ นางรัศมีฯ ผู้ต้องหาที่ 1 นั่งดูแลอยู่ ซึ่งตรวจพบธนบัตร ที่ได้มีการลงประจำประวันล่อซื้อ อยู่กับตัว รับสารภาพว่าเป็นเงินที่ทางร้านได้เป็นค่าให้พนักงานหญิงขึ้นไปขายบริการทางเพศ, ผู้ต้องหาที่ 2 - 3 ตรวจพบอยู่ภายในห้องและพบถุงยางอนามัยพร้อมซองที่ฉีกพร้อมใช้และพบธนบัตร ที่ได้มีการลงประจำประวันล่อซื้อ อยู่กับตัว รับสารภาพว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายบริการทางเพศ, ผู้ต้องหาที่ 4-7 ตรวจพบอยู่บริเวณชั้นล่างของร้าน โดยรับว่าเป็นพนักงานบริการลูกค้าในสถานค้าประเวณีนี้
ในการปฏิบัติการทางเจ้าหน้าที่ได้นำพนักงานหญิงบริการทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการคัดกรองช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (NRM) ว่า มีการขู่บังคับ หรือ กระทำการอื่นใดแก่พนักงานหญิงบริการภายในร้านที่เข้าข่ายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ ซึ่งไม่พบว่าเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์แต่อย่างใด สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน