เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนต่างให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ตามรายงานพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน ผู้หญิงคนหนึ่งซื้อแหวนทองคำในราคา 3,156 หยวน (ประมาณ 15,900 บาท) จากร้านขายเครื่องประดับชื่อดังในท้องถิ่น แต่เพียง 10 วันต่อมา เธอก็พบว่าส่วนหนึ่งของแหวนกลายเป็นสีเงิน เมื่อคิดว่าแหวนมีปัญหาด้านคุณภาพ และอาจเป็นทองคำปลอม จึงนำกลับไปที่ร้านขายเครื่องประดับดังกล่าว

เจ้าของร้านยืนยันว่า หากลูกค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพของแหวน ก็สามารถนำมารับการประเมินตรวจสอบได้ แต่พวกเขาก็มุ่งมั่นขายทองคำแท้มาโดยตลอด พร้อมอธิบายว่าการเปลี่ยนสีของแหวนอาจเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี หลังจากสัมผัสกับสิ่งที่มีตะกั่วหรือปรอท และเมื่อทราบว่าลูกค้าสวมแหวนลงแช่ในบ่อน้ำพุร้อน เจ้าของร้านก็กล่าวทันทีว่า มีความเป็นไปได้มากว่าบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีสารปรอท เราจะไม่คืนเงินหรือชดเชยในกรณีเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ลูกค้ายังคงไม่ยอมรับการประเมินของเจ้าของร้าน เพราะเชื่อว่าหากเกิดปฏิกิริยาเคมีจริงๆ แหวนทั้งวงจะต้องเปลี่ยนสี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น เธอกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า ฉันซื้อแหวนมาไม่ใช่เพื่อเก็บไว้ หรือเพื่อถูกตำหนิว่าฉันสวมแหวนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แน่นอนว่ามันเป็นเพราะแหวนของร้านคุณมีคุณภาพไม่ดี

หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ลูกค้าจึงประกาศว่าจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดบนโซเชียลทันที มีชาวเน็ตบางคนออกมาแชร์ประสบการณ์เพื่อสนับสนุนทางฝั่งลูกค้า โดยคอมเมนต์เล่าว่า ฉันไปบ่อน้ำพุร้อนบ่อยครั้ง แต่แหวนทองคำในนิ้วก็ไม่เคยเปลี่ยนสี ดังนั้นแหวนของร้านนี้จะต้องมีปัญหาแน่ๆ

อย่างไรก็ดี มีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า ในบางกรณีทองอาจถูกทำให้เสื่อมสภาพได้เนื่องจากการสัมผัสกับซัลเฟอร์จำนวนมาก คนที่สวมใส่ทองที่มีเหงื่อออกมากก็อาจทำให้ทองคำเปลี่ยนสีได้เนื่องจากเหงื่อมีกำมะถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้ควรหลีกเลี่ยงการถูทองชนกัน หรือสัมผัสกับสารเคมีและเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สเปรย์ฉีดผม และสารฟอกขาวที่มีคลอรีน ซึ่งเป็น ศัตรู อันดับ 1 ของเครื่องประดับ รวมทั้งต้องหมั่นตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าทองคำอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเสมอ เพราะหากคุณตั้งใจจะขายต่อ มันจะไม่สูญเสียมูลค่าเนื่องจากความเสียหาย