ไม่ได้ฝัน! ลูกวัย 9 ขวบ บอกมีคนแอบมองอยู่ในห้อง พ่อแม่ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายพบภาพสยองสุดช็อกคาตา (ตปท.)

ไม่ได้ฝัน! ลูกวัย 9 ขวบ บอกมีคนแอบมองอยู่ในห้อง พ่อแม่ไม่มีใครเชื่อ สุดท้ายพบภาพสยองสุดช็อกคาตา (ตปท.)

เรื่องนี้มีที่มาจาก เว็บไซต์ต่างประเทศ ETtoday ได้มีการรายงานเหตุการณ์สุดสยอง เมื่อเด็กชายวัย 9 ขวบรายหนึ่ง เล่าให้พ่อแม่ฟังว่า ตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงในห้องนอน มีดวงตาคู่หนึ่ง จ้องมองมาที่เขาจากช่องระบายอากาศบนเพดาน แต่ผู้ปกครองเข้าใจว่าเป็นเพียงความฝันหรือจินตนาการของเด็กเท่านั้น จนกระทั่งรรู้ความจริงที่เกิดขึ้นทำเอาช็อกทั้งครอบครัว

จากคำบอกเล่าของเด็กชาย ในคืนหนึ่งที่เขาย่องลงจากเตียงนอนกลางดึก อยากจะเข้าครัวเพื่อหาของว่างทาน แต่กลับสังเกตเห็นแล้วว่า มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญแอบเข้ามาในบ้าน เป็นชายแปลกหน้ารูปร่างผอมบาง ซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าตู้เย็นเพื่อกินอาหารของครอบครัว เขารีบขึ้นไปปลุกพ่อทันที แต่เมื่อพ่อของเขาลงมาชั้นล่างก็พบเพียงห้องครัวที่ว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีร่องรอยการบุกรุกใด ๆ ภายในบ้านเลย

อย่างไรก็ตาม เด็กชายเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องจริง เขาจึงเริ่มใส่ใจกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านอย่างละเอียดรอบคอบ และเขาก็พบว่าอุปกรณ์ในครัวมักถูกเคลื่อนย้ายอยู่เป็นประจำ รวมถึงถ้วยและจานที่ใช้แล้วสองสามชิ้นที่ถูกนำมาวางในอ่าง นั่นจึงทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก

นับจากนั้น 3 เดือนต่อมา ตอนที่เขานอนอยู่บนเตียง ก็เห็นชายคนหนึ่งจ้องมองเขาผ่านช่องระบายอากาศ เขาตกใจมาก จึงรีบไปบอกพ่อแม่ แต่น่าเสียดายที่หลังจากที่ผู้ใหญ่ตรวจดูช่องระบายอากาศแล้ว ก็ยังไม่พบอะไรเลย กลับคิดว่าเป็นเพียงเด็กที่ฝันร้ายหรือมีจินตนาการมากเกินไปเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ทั้งนั้น หนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว บ้านทั้งหลังเริ่มมีกลิ่นเหม็นอย่างอธิบายไม่ถูก พ่อแม่ของเด็กชายค้นพบว่า แหล่งที่มาของกลิ่นนั้นมาจากช่องระบายอากาศในห้องนอนของลูกชาย ในตอนแรกพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงสัตว์ที่เสียชีวิตอยู่ข้างใน แต่หลังจากเปิดออกมา ถึงกับช็อกไปตาม ๆ กันเมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันเป็นร่างกายมนุษย์ที่เสียชีวิตแล้ว

ตามสัญญาณในที่เกิดเหตุ ชายแปลกหน้าอาศัยอยู่อย่างลับ ๆ ในบ้านหลังนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เขามักจะแอบซ่อนตัวอยู่ในช่องระบายอากาศและออกมากลางดึกเพื่อหาอาหาร อีกทั้งยังวาดภาพของเด็กชายจากช่องระบายอากาศด้วย และแม้จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว แต่ตัวตนและสาเหตุการเสียชีวิตก็ยังไม่ชัดเจน

ข้อมูล ETtoday

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ