วันที่ 20 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายณัฐวุฒิฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น"

พร้อมด้วยของกลาง 1. รถกระบะสีขาว 1 คัน 2. แกลลอนสีน้ำเงิน ความจุ 30 ลิตร มีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 บรรจุอยู่เต็มถัง จำนวน 1 แกลลอน 3. แกลลอนสีเหลือง ความจุ 20 ลิตร จำนวน 2 แกลลอน 4. น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ความจุ 1 ลิตร จำนวน 2 แกลลอน

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 16 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้มีคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี ขับรถกระบะบรรทุก ติดป้ายแดงปลอม ท้ายกระบะมีแกลลอน ขนาด 30-20 ลิตร จำนวน 3 แกลลอน เข้ามาที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยได้ใช้อุบายหลอกเด็กปั๊มว่าต้องการเติมน้ำมันเพื่อเอาไปใส่เครื่องสูบน้ำ โดยคนร้ายหลอกให้เด็กปั๊มเดิมน้ำมัน แก๊ซโซฮอล 95 ให้เต็มทุกแกลลอน และยิ่งไปกว่านั้นคนร้ายยังหลอกให้เด็กปั๊มไปหยิบน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ จำนวน 2 แกลลอน มาใส่ไว้ที่ท้ายกระบะ เมื่อได้เด็กปั๊มเติมน้ำมันจนเต็ม คนร้ายฉวยโอกาสที่เด็กปั๊มหันหลังไปเก็บสายน้ำมัน ขับรถเร่งเครื่องออกไป โดยภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุ

ในส่วนของตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.(นครปฐม) ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้จากปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลการออกใบสั่ง พบความว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ มีตำหนิรูปพรรณตรงกับ นายณัฐวุฒิฯ หรือเต้ย อายุ 34 ปี ซึ่งเคยถูกออกใบสั่งในข้อหาไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.67 ในพื้นที่สมุทรสงคราม

เมื่อตรวจสอบรถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุก็มีตำหนิรูปพรรณตรงกับรถที่นายณัฐวุฒิฯ ใช้งานจริง จึงได้ส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยี่สาร ทำการสืบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสมุทรสงครามออกหมายจับได้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67

ภายหลังจากที่ศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ยี่สาร ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหา ได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหลบซ่อนอยู่ห้องเช่าภายในซอยสวนแก้ว ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงได้ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมกันเข้าตรวจสอบห้องเช่าดังกล่าว แต่เมื่อผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วิ่งออกจากห้องเช่าที่กบดานไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำของห้องเช่าที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกให้ออกมา แต่ผู้ต้องหาได้ทำลายกระจกช่องระบายอากาศแล้วหลบหนีออกไปทางด้านหลังห้องเช่า หนีลงคูระบายน้ำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรววจจึงได้ติดตามแล้วควบคุมตัวได้ในที่สุด ก่อนแสดงหมายจับให้ทราบ แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสิทธิ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมพร้อมของกลางนำส่งมาพนักงานสอบสวน สภ.ยี่สาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการตรงจสอบพบประวัติก่อเหตุ

ครั้งที่ 1 เมื่อ วันที่ 6 มิ.ย.67 ก่อเหตุพื้นที่สภ.บ้านแพ้ว เติมน้ำมันใส่รถของตนเต็มถังและใส่แกลลอนที่อยู่ท้ายรถจากนั้นขับรถ หลบหนีออกไป

ครั้งที่ 2 เมื่อ วันที่ 9 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ10.00 น. ก่อเหตุพื้นที่สภ. บางโทรัด เติมน้ำมันใส่รถของตนเต็มถังและใส่แกลลอนที่อยู่ท้ายรถจากนั้นขับรถ หลบหนีออกไป

ครั้งที่ 3 เมื่อ วันที่ 9 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ19.30 น. ก่อเหตุพื้นที่สภ. ปากท่อ เติมน้ำมันใส่รถของตนเต็มถังและใส่แกลลอนที่อยู่ท้ายรถจากนั้นขับรถ หลบหนีออกไป

ครั้งที่ 4 เมื่อ วันที่ 13 มิ.ย.67 เข้าไปทำการสั่งซื้อของหยิบของขึ้นรถ แล้วขับรถหลบหนีออกไปโดยไม่ชำระเงิน

ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.67 เวลาประมาณ06.19 น. ก่อเหตุปั๊มบางจาก (ขาเข้า) วังมะนาวเติมน้ำมันใส่รถของตนเต็มถังและใส่แกลลอนที่อยู่ท้ายรถจากนั้นขับรถ หลบหนีออกไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนหน้าในหลายพื้นที่ โดยจะนำรถไม่ติดป้ายทะเบียนหรือติดป้ายแดงปลอมมาใช้ เพื่อให้ยากต่อการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตระเวนเติมน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมัน ก่อนจะอาศัยจังหวะที่พนักงานฯเผลอขับรถเร่งเครื่องหนีไป โดยก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน