การที่จะซื้อรถยนต์สักคันไว้ใช้ขับขี่โดยการยื่นไฟแนนซ์จำเป็นต้องมีหลักฐานทางการเงินที่มั่นคง มิเช่นนั้นแล้วอาจถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อได้ แต่บางคนคิดว่ามีเงินเยอะแล้วแต่ทำไมไฟแนนซ์ยังไม่ให้ผ่านอีกละ วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้แล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1 การยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน

สาเหตุแรกที่พบบ่อยเมื่อขอสินเชื่อไม่ผ่านก็คือการยื่นเอกสารไม่ครบถ้วนตามที่ไฟแนนซ์กำหนด เพราะเรื่องเอกสารนั้นสำคัญมาก เนื่องจากไฟแนนซ์และลีสซิ่งต่างต้องใช้เอกสารต่าง ๆ ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้ผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารประจำตัวที่ใช้แสดงตัวตน เอกสารแสดงรายได้ หรือเอกสารแสดงการค้ำประกัน ทั้งหมดนี้ล้วนมีความสำคัญในการขอสินเชื่อรถทั้งสิ้น หากยื่นไม่ครบถ้วนตามที่ไฟแนนซ์ระบุเอาไว้ก็อาจทำให้ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อได้

2 คุณสมบัติไม่ผ่านเงื่อนไขที่กำหนด

สาเหตุที่สองก็คือมีคุณสมบัติบางอย่างไม่ผ่านหรือไม่ตรงกับเงื่อนไขของไฟแนนซ์ เช่น อายุเกินเกณฑ์ที่กำหนด อายุงานไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด หรือรายรับรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น หากค่างวดในแต่ละเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท จะต้องมีรายรับมากกว่า 20,000 บาทต่อเดือนเป็นอย่างน้อย โดยสถาบันการเงินบางแห่งอาจใช้หลักเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่านี้ สาเหตุในข้อนี้มีหลากหลายขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของไฟแนนซ์ และลีสซิ่งแต่ละแห่ง ดังนั้นก่อนขอสินเชื่อจึงต้องดูเงื่อนไขเรื่องคุณสมบัติผู้กู้ให้ดีด้วย

3 ประวัติทางการเงินไม่ดี

สาเหตุที่สามก็คือมีประวัติชำระหนี้ล่าช้า ค้างชำระหนี้ หรือติดเครดิตบูโร ซึ่ง ปัจจุบันไฟแนนซ์หลายแห่งอาจจะไม่พิจารณาข้อมูลเครดิตบูโร แต่การมีประวัติค้างชำระหนี้ ผิดนัด หรือชำระหนี้ล่าช้าก็ส่งผลต่อการขอสินเชื่อรถได้ เนื่องจากทางไฟแนนซ์จะมองว่าผู้กู้ไม่มีวินัยทางการเงินหรืออาจไม่มีความสามารถมากพอในการชำระหนี้เงินกู้ทำให้ขอสินเชื่อไม่ผ่านในที่สุด

4.มีหนี้สินมากเกินไป

นอกเหนือจากค่างวดจะต้องสัมพันธ์กับรายรับแล้วนั้น รายจ่ายในแต่ละเดือนยังส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อด้วยเช่นกัน หากมีหนี้ที่ต้องชำระทุกๆ เดือน เช่น ค่าบ้าน, ค่าบัตรเครดิต, สินเชื่อต่างๆ เหล่านี้จะถูกนำมาพิจารณาถึงความสามารถในการชำระของผู้กู้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากมีแผนซื้อรถคันใหม่ ก็ควรวางแผนปิดหนี้บางส่วนที่มีอยู่เสียก่อน จะช่วยเพิ่มโอกาสได้รับอนุมัติได้