ล่าระทึก คาราวานขนต่างด้าวชาวเมียนมาผิดกฎหมาย เยียบมิดไมล์หวังซิ่งหลบหนี

ล่าระทึก คาราวานขนต่างด้าวชาวเมียนมาผิดกฎหมาย เยียบมิดไมล์หวังซิ่งหลบหนี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 15 ราย ดังนี้ 1. นายมูฮัมหมัดฯ อายุ 20 ปี 2. นายอัสฮาฯ อายุ 38 ปี 3-13. บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา รวมจำนวน 11 ราย โดยกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1-2 กระทำความผิดฐาน ร่วมกับพวกที่หลบหนีให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่” ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ ผู้ต้องหาที่ 3-15 กระทำความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีขาว ป้ายทะเบียนสุราษฎร์ธานี จำนวน 1 คัน (ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับขี่) 2. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีดำ ป้ายทะเบียนสงขลา จำนวน 1 คัน (ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ขับขี่) 3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง สถานที่จับกุม ริมถนน 4066 ต.ตะโล๊ะหะลอ อ.รามัน จ.ยะลา

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งเบาะเเสว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านเข้ามายังประเทศไทยเเละพาส่งออกข้ามต่อไปยังประเทศมาเลยเซีย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบข้อมูลสำคัญว่าขบวนการดังกล่าว จะใช้รถยนต์กระบะจำนวนหลายคันขับมาในลักษณะเป็นคาราวานผ่านเส้นทางในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการลงพื้นที่เฝ้าติดตามรถยนต์ที่อยู่ในขบวนการขนเเรงงานต่างด้าวดังกล่าว จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะคันต้องสงสัยคล้ายซุกซ่อนนำพาสิ่งของผิดกฎหมายจำนวน 5 คันขับมาตามถนน ทล.43 ทิศทางมุ่งหน้าลงไปทางใต้ ทางเจ้าหน้าที่จึงวางกำลังตามเส้นทางที่คาดว่ารถยนต์ต้องสงสัยจะเคลื่อนที่ผ่าน จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะ 5 คัน ขับขี่ผ่านจุดที่เจ้าหน้าที่วางกำลังไว้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับติดตามไล่ล่ารถยนต์กระบะเพื่อให้หยุดรถ จนกระทั่งภายหลังสามารถสกัดจับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีขาว ป้ายทะเบียนสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นรถขับนำเพื่อเช็คเส้นทางได้จำนวน 1 คัน โดยภายในรถพบมีนายมูฮัมหมัดฯ (ผู้ต้องหาที่1) แสดงตนเป็นผู้ขับขี่ และสามารถสกัดจับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีดำ ป้ายทะเบียนสงขลา ได้อีก 1 คัน โดยภายในรถพบนายอัสฮาฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) เป็นผู้ขับขี่ และมีบุคคลต่างด้าว (ผู้ต้องหาที่ 3-13) นั่งโดยสารมาด้วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.จะกว๊ะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ในส่วนของรถยนต์กระบะอีก 3 คัน ที่อยู่ในขบวนการขนแรงงานต่างด้าวที่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การรับว่าได้รับการว่าจ้างจาก นายมะสุกรีฯ ให้มาขับรถยนต์กระบะไปรับคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 30 คน จากป่าละเมาะใกล้นิคมอุตสาหกรรม ฉลุง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ไปส่งที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยได้ค่าจ้างเที่ยวละ 5,000 บาท ซึ่งในการขนต่างด้าวดังกล่าวได้มีการกระจายให้ต่างด้าวนั่งในรถยนต์กระบะ 3 คัน คันละประมาณ 10-11 คน นอกจากนี้ยังมีรถนำขบวนอีก 2 คัน ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางและคอยเตือนเมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน โดยนายมะสุกรีฯ ผู้ว่าจ้างได้ขับรถนำขบวนและสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้

ในส่วนของบุคคลต่างด้าวทั้ง 11 คน (ผู้ต้องหาที่ 3-13) ให้รับสารภาพว่าต้องการหลบหนีสงครามกลางเมืองภายในประเทศเมียนมา เพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยตกลงค่าใช้จ่ายกับนายหน้าสัญชาติเดียวกัน ในราคา 5,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 35,000 บาท ซึ่งนายหน้าจะพาโดยสารด้วยรถยนต์สลับกับเดินเท้าผ่านเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติข้ามมายังประเทศไทย จากนั้นจึงโดยสารซุกซ่อนมาในรถยนต์คันละประมาณ 11-12 คน โดยมีการแวะพักตามจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบการเฝ้าระวังสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่เป็นระยะ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 วันเศษ กว่าจะเดินทางมาถึงสถานที่เกิดเหตุ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ