รวบแล้ว 2 แก๊งทวงหนี้โหด ใช้โทรศัพท์ตบหน้ายายทำลายข้าวของ ยันไม่ได้ทำร้าย พร้อมยกหนี้ให้ทั้งหมด
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งความจากนาง สุพัตรา หรือยายสุข จรดี อายุ 75 ปี แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว หน้าคอนโดบางใหญ่ซิตี้ อาคารบี ถูกชายจำนวน 2 คนขับรถกระบะเข้ามาทวงหนี้ที่ร้าน จากนั้นได้ใช้โทรศัพท์ตบไปที่หน้าจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ค.67 จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุ ใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อ TOYOTA รุ่น HIRUX REVO สี ขาว หมายเลขแผ่นป้ายทะเบียน ตขจ 4041 กรุงเทพมหานคร และจากการตรวจสอบหมายเลขแผ่นป้าย ทะเบียนทราบว่าผู้ครอบครองคือ นายกมลแพทย์ แก้วเสริม และจากการสืบสวนทราบว่า ในวันเกิดเหตุ นายกมลแพทย์ฯ ได้เดินทางมากับ นายจำนงค์ กาสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด สืบสวน สภ.บางใหญ่ จึงได้รวบรวมพยานและหลักฐาน ส่งให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสอง
เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไมได้รับอนุญาตจาก รัฐมนตรีว่าการกรทรวงการคลัง และร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้ กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ และร่วมใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนด้วยตัวเอง โดยร่วมกับปลัดจังหวัดนนทบุรี และฝ่ายปกครอง อ.บางใหญ่ ใช้เวลาในการสอบประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางเข้าพูดคุยกับ นางสุพัตรา หรือยายสุข จรดี อายุ 75 ปี ผู้เสียหาย ถึงรายละเอียดการกู้เงิน ซึ่งได้เคยติดต่อกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางใหญ่แล้ว แต่ไม่ได้มีการไกล่เกลี่ยเรื่องเงินกู้กันเพราะติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้ จนกระทั่งมาเกิดเรื่องเมื่อวานที่ผ่านมา
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 กล่าวว่า เรื่องนึ้เป็นการกู้้งินกันตั้งแต่ปลายปี 66 จำนวน 5,000 บาท เป็นระบบดอกลอย ตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 2 คน ส่วนเจ้าของเงินยังไม่ได้ตัว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้ฝ่ายปกครองร่วมดำเนินการ กรณีคุณยายได้เคยมาที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้ จึงไม่ได้เข้าระบบ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้มาทวงเงิน และมีการใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะหลบหนีไป ซึ่งหลังจับกุมตัวได้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ รับแต่เพียงว่ามีการให้กู้เงิน แต่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ทำร้าย ซึ่งคุณยายยังยืนยันว่าถูกทำร้าย ต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง จากการสอบสวนพบว่านายกมลแพทย์ เป็นเจ้าของเงิน แต่นายก้อง เป็นเพียงคนนำเงินมาปล่อยกู้เท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเป็นคนปล่อยเงินกู้รายใหญ่ พบว่ามีเงินออกกู้เพียง 3 รายเท่านั้น
นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยเรื่องหนี้ของคุยยายที่ได้ชำระไปเป็นจำนวนมากแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างพูดคุย โดยผู้ต้องหายินดีที่จะยกหนี้ให้กับทางคุณยาย
สำหรับโครงการแก้หนี้ของรัฐบาล ถึงจะปิดโครงการไปแล้ว แต่ลูกหนี้สามารถเข้าไปติดจ่อกับทางศูนย์ดำรงธรรมได้ทุกอำเภอ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ทั่วประเทศไทยเพื่อให้ไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ให้ เพียงแต่ลูกหนี้ต้องส่งข้อมูลที่ถูกต้องของเจ้าหนี้ให้กับทางเจ้าหน้าที่เพื่อประสานงานและเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด นนทบุรี รายงาน