รวบนายหน้าหาบัญชีม้ารับโอนเงินแก๊งหลอกลงทุน ร่ำไห้เผยตั้งใจหนีกบดานปอยเปต แต่ทนคิดถึงบ้านไม่ไหว ก่อนโดนรวบคาบ้านเกิด
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป., เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย ร่วมกันจับกุม นางสาวประกายแก้ว ฯ อายุ 25 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 341/2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567 เลขคดีอาญาที่ 102/2567 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์ เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2566 ผู้เสียหายได้เปิด Facebook ก่อนไปเจอเพจ ใช้ชื่อว่า ห้องคุยนักลงทุน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยเพจดังกล่าวเป็นการแนะนำการลงทุนการเทรดหุ้น ซึ่งได้รับผลตอบแทนที่สูง ผู้เสียหายจึงสนใจและได้มีการพูดคุยสอบถาม
ต่อมาคนร้ายก็ได้ติดต่อผู้เสียหาย ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์โดยคนร้ายอ้างตัวปลอมเป็นอาจารย์ไพบูลย์ เสรีวัฒนา ด้วยการใช้ชื่อไลน์ว่า “รศ.ดร.ไพบูลย์” ใช้รูปหน้าโปรไฟล์เป็นรูปอาจารย์ไพบูลย์ฯ จงใจให้เข้าใจว่าเป็นตัวจริง จากนั้นผู้เสียหายจึงติดต่อพูดคุยกับคนร้ายเรื่อยมา เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ต่อมาบุคคลดังกล่าวได้ชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดหุ้น โน้มน้าวจนผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปยังบัญชีอื่นๆ อีกหลายครั้ง รวมทั้งหมด 4 บัญชี คิดเป็นเงินจำนวน 21,089,644.50 บาท ซึ่ง 1 ใน 4 บัญชีนั้น คือบัญชี นางสาวประกายแก้ว ฯ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการสืบสวนภายหลังพบว่า ยังมีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวกระจายต่อไปยังบัญชีม้าอีก 16 บัญชี ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.2566 ผู้เสียหายประสงค์ที่จะขอถอนเงินที่ลงทุนไว้ แต่คนร้ายกลับแจ้งว่าให้โอนเงินค่าดำเนินการจำนวน 40 เปอร์เซ็น จากเงินที่ผู้เสียหายจะได้รับ นั่นจึงทำให้ทราบว่าตนเองน่าจะถูกหลอก ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับนางสาวประกายแก้วฯ รวมถึงเจ้าของบัญชีปลายทางที่รับเงินโอนอีก 16 บัญชี
จากการสืบสวน พบว่าหลังจากนางสาวประกายแก้วฯ ได้รับเงินโอนจากผู้เสียหาย ก็ได้ทำการปิดบัญชีและหลบหนีไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (กก.2 บก.ป.) จึงเร่งติดตามและออกสืบสวนเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ ก่อนจะทราบว่านางสาวประกายแก้วฯ ผู้ต้องหา ได้กลับบ้านมาบ้านเกิด
ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบ ก่อนจะพบตัวผู้ต้องหา จึงเข้าแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับ ก่อนนำตัวมาทำบันทึกการจับกุมตัวที่สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นได้ส่งตัวไปยังพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การว่า ตนไม่ได้รู้เรื่องหลอกลวงหรือไปโกงใคร ก่อนหน้านี้ตนเองว่างงาน ต่อมาได้มีพรรคพวกที่อยู่ปอยเปตประเทศกัมพูชาแนะนำ ให้มาเปิดบัญชีธนาคาร ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีละ 3,000 บาท และหากจัดหาบัญชีม้าเพิ่มได้อีกจะให้ค่าจ้างอีก 1,000 บาทต่อบัญชี โดยมีการชักชวนคนรอบข้างและคนรู้จักให้เปิดบัญชีธนาคารอีกด้วย พร้อมบอกทั้งน้ำตาว่าตนไม่อยากหนีไปไหน เพราะทนคิดถึงบ้านไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน