วันที่ 5 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งว่ามีชายถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านโคกกุง ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ นายประวิทย์ สุมะภาโส อายุ 43 ปี ตามร่างกายถูกคมมีดเป็นแผลฉกรรจ์ จำนวนหลายสิบแผล โดยเฉพาะบริเวณข้อมือด้านซ้ายเกือบขาดเสียเลือดมาก เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต

เบื้องต้น จากการสอบสวน นางอังคณารัตน์ อายุ 47 ปี อ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นแฟนของตน ส่วนมือมีดนั้นเป็นสามีของตน ชื่อนายมะมิจ ปราณีย์ อายุ 51 ปี โดยทั้งแฟนและสามีของตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ดด้วยกัน

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 17.30 น. ผู้เสียชีวิตได้เผารถจักรยานยนต์ของตนที่บ้านเช่า ซึ่งตนกับผู้เสียชีวิตเช่าเป็นรังรักอยู่ด้วยกัน ต่อมา ตนจึงให้นายมะนิจฯ ผู้เป็นสามีพาไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้เสียชีวิตในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ที่สภ.ธวัชบุรี แต่พนักงานสอบสวนแนะนำให้มาแจ้งความที่ สภ.เสลภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ หลังจากแจ้งความแล้วตน นายมะนิจ พร้อมด้วยลูกชายและลูกสาว จึงเดินทางไปหาผู้เสียชีวิตที่บ้านโคกกุง

เมื่อนายมะนิจ จอดรถแล้วก็ลงจากรถพร้อมกับพังประตูเข้าไปในบ้าน แล้วก็ลงมือทำร้ายนายประวิทย์ โดยมีลูกชายของตนเข้าไปห้าม ส่วนตนก็วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงก็พบว่านายประวิทย์หมดสติ ตามร่างกายมีบาดแผลฉีกขาดจากคมมีดเลือดไหลนองเต็มพื้นบ้าน

ตนก็ได้นำร่างที่หมดสติของนายประวิทย์มาส่งโรงพยาบาลธวัชบุรี ทางแพทย์แจ้งว่านายประวิทย์ได้เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล ส่วนปมเหตุของการลงมือในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากความโกรธที่ผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นแฟนของตน ลงมือเผารถจักรยานยนต์ที่นายมะนิจ ผู้เป็นสามีซื้อให้กับตน

สำหรับนายมะนิจ และนางอังคณารัตน์ ผู้เป็นภรรยา เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาว เมื่อครั้งที่นายมะนิจถูกรางวัลที่ 1 สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 พ.ย.2565 รับเงิน 6 ล้านบาท แล้วได้โอนเงินรางวัลเข้าบัญชี ธกส.ของนางอังคณารัตน์ จากนั้น ทั้งนายมะนิจฯและนางอังคณารัตน์ ก็ได้จัดงานทำบุญเลี้ยงพระ แต่ก็มีชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวในงานทำบุญ กระทั่งงานแล้วเสร็จ ปรากฎว่านางอังคณารัตน์ได้หอบเงินหนีไปกับชายคนดังกล่าว ซึ่งก็คือนายประวิทย์ผู้เสียชีวิตนั่นเอง