จากกรณีที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลในขณะนี้ หลังจากผู้ใช้เฟสบุ๊ค กินเที่ยวสุโขทัย ได้โพสต์เรื่องราวว่า 30 พ.ค. 67 มีเหตุวุ่นวายที่วัดเขาแร่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย เมื่อผู้ปกครองเด็กวัย 13 ปี ไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งเสลี่ยม ว่ามีพระรูปหนึ่งในวัดเขาแร่ ลองของด้วยการให้เด็กกำวัตถุมงคลเอาไว้ในมือ แล้วเอาน้ำกรดราดมือเด็ก โดยให้ค่าจ้างให้กับเด็ก 200 บาท แลกกับการลองของขลัง

เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พระรูปดังกล่าวให้ลูกศิษย์ออกมารับหน้าและรับผิดแทน ไม่ยอมออกมาพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็ก และลูกศิษย์ยังบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ทั้งค่าเสียหาย และการรักษาจนกว่ามือเด็กจะหาย แต่การพูดคุยเจรจาดังกล่าวไม่ได้ข้อยุติ เพราะผู้ปกครองเด็กต้องการให้พระรูปที่ทำออกมารับผิดชอบด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้จากพ่อเด็กอายุ 13 ปี กล่าวว่า ที่ทราบมาจากลูกศิษย์พระรูปดังกล่าว เล่าว่า พระรูปดังกล่าว ได้ทำของขลังและมาลองกับตัวแล้วไม่เป็นไร เลยให้เด็กๆ 5 คนมาลองของดู ซึ่งของขลังเป็นลักษณะพระผงรูปคลายพระสมเด็จและสมเด็จโต ใส่กรอบพลาสติก ซึ่งลูกชายของตนเองได้รับบาดเจ็บ ที่หลังมือเริ่มมีรอยพุพอง ซึ่งตนเองคิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสม และจะเอาเรื่องพระที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

โดยผู้โพสต์รายดังกล่าวยังให้ข้อคิดในมุมมองของตนเองว่า ในมุมมองส่วนตัวของผม กรณีนี้ผู้เสียหายสามารถดำเนินคดี พร้อมกับเรียกค่าเสียหายได้ แต่ถ้าถามว่าเรื่องนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ไหม ผมว่าก็ได้นะ (ถ้าไม่เป็นกระแสข่าว) แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะไกล่เกลี่ย ผมคิดว่าเราควรทำให้สังคมเกิดความตรงไปตรงมาเสียที และให้รู้ผิดชอบชั่วดีมากกว่านี้

คนทำผิดไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ก็ควรออกมารับผิด ขอโทษด้วยตัวเอง และก็ต้องไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ไม่ใช่หาแพะมารับแทนแบบนี้ ถ้าปล่อยไปเวลามีเรื่องราวแบบนี้ คนทำผิดก็ลอยนวลไปได้ตลอดเพียงแค่มีเงินมีอำนาจ ซึ่งหลังจากที่มีการโพสต์ข้อมูลดังกล่าวไป ก็ได้มีผู้เข้ามาแชร์ข้อมูลเป็นจำนวนมาก และอยากให้พระที่เป็นคนลงมือลองของขลังออกมารับผิดชอบในเหตุการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดสุโขทัย ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน