กัน จอมพลัง พาลูกสาวผู้เสียหายบุกยื่นถอนประกัน อดีตสารวัตร คุกคามถึงบ้าน พยายามให้เซ็นยอมความ
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พาลูกสาวผู้เสียหายที่ถูก พันตำรวจโท ณัฐพล พงษานุวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โคกสำโรง ข่มขู่เพื่อให้กลับคำให้การ กรณีที่ถูกรีดเงิน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือทางคดี
โดย กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่อง ทางฝ่ายตำรวจคู่กรณีได้ไปเจรจาขอให้ผู้เสียหายเซ็นเอกสารยอมความ และกลับคำให้การ ถึง 3 ครั้ง อีกทั้ง ยังมีอดีตตำรวจ บก.ปปป. โทรศัพท์มาบอกให้ผู้เสียหายกลับคำให้การอีกด้วย ตอนแรกทำไม่คิดที่ไปรีดทรัพย์กับผู้เสียหาย แต่พอเกิดเรื่องกลับมาอัอนวอนขอความเห็นใจกับผู้เสียหาย จึงถามสังคมว่า เราอยากให้ตำรวจที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ กลับมารับราชการทำงานเพื่อประชาชนอีกหรือไม่
วันนี้ จึงมาร้องทุกข์ที่ บก.ปปป. และมอบข้อมูลให้แก่พนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาเรื่องการถอนประกัน พันตำรวจโท ณัฐพล และตรวจสอบตำรวจที่เป็นตัวกลางในการช่วยเจรจาให้ผู้เสียหายยอมความด้วย
ด้าน ลูกสาวผู้เสียหาย เล่าว่า พันตำรวจโท ณัฐพล ได้พาภรรยาที่อ้างว่าป่วยเป็นมะเร็ง และลูก 2 คน มาอ้อนวอนถึงที่บ้าน 3 ครั้ง เพื่อให้เซ็นเอกสารยอมความและกลับคำให้การ และมีการเสนอให้เงินค่าน้ำมันด้วย โดยไปหาถึงที่บ้านในจังหวัดสุโขทัย 1 ครั้ง และพระนครศรีอยุธยา 2 ครั้ง นอกจากนี้ ยังเคยนำกระเช้าของขวัญไปให้แม่ของตนเองที่จังหวัดสุโขทัยอีก 1 ครั้งด้วย
ซึ่งการมาถึงที่บ้านตนเองนั้น ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ว่ารู้จักบ้านของตนเองได้อย่างไร ซึ่งทุกครั้งที่มาก็ได้ปฏิเสธไป และยืนยันว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด เพราะความจริงก็คือความจริง และอยากได้รับความยุติธรรมกับครอบครัว
สำหรับกรณีนึ้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ได้วางแผนเข้าจับกุม พันตำรวจโท ณัฐพล พงษานุวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โคกสำโรง หลังมีพฤติการณ์เรียกรับสินบนจากบิดาผู้เสียหาย ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาทุบตึก ถูกดำเนินคดีข้อหา ร่วมลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จำนวน 1 เเสนบาท ซึ่งทางผู้เสียหายได้จ่ายเงินไปเเล้วก้อนเเรก จำนวน 5 หมื่นบาท เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 นัดที่ลานจอดรถของศาลากลางจังหวัดลพบุรี และให้จ่ายเงินที่เหลือในวันที่ 20 กันยายน 2566
ต่อมา หลังได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวจากผู้เสียหาย กัน จอมพลัง ได้ประสานไปยัง บก.ปปป. เพื่อวางเเผนจับกุม โดยให้ผู้ต้องหาเอาเงินที่เหลืออีกก้อน จำนวน 5 หมื่นบาท ไปให้กับสารวัตรคนดังกล่าว ที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่งในอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี พอหลังจากที่ พันตำรวจโท ณัฐพล รับเงินจากผู้เสียหาย จึงซ้อนเเผนเข้าจับกุม พร้อมกับดำเนินคดี ซึ่งต่อมาพันตำรวจโท ณัฐพล ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ
ส่วนผู้เสียหายนั้น ตกเป็นผู้ต้องหาเนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2565 ได้รับการว่าจ้างจากผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ นายบอย ให้ไปทุบอาคารโรงงาน แต่เมื่อไปถึงสถานที่ก็รู้สึกเเปลกใจ เพราะไม่เหลือโครงสร้างหรือรูปร่างของอาคารแล้ว เนื่องจากถูกทุบไปก่อนหน้านี้ เหลือเพียงเศษซากเท่านั้น จึงทำได้เพียง เข้าไปรื้อเศษซากเเละโครงเหล็กออก
แต่มาทราบภายหลังว่า ที่ดินผืนดังกล่าวถูกธนาคารยึดอยู่ การเข้าไปรื้อถอนหรือกระทำการใด ๆ นั้นถือว่าผิดกฎหมาย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็จะไม่เข้าไปทุบตึกดังกล่าวแน่นอน ซึ่งต่อมาก็ถูกออกหมายจับในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จากนั้น พันตำรวจโท ณัฐพล ก็มาเจรจาเสนอว่าจะช่วยเหลือทางคดี โดยเรียกรับสินบน 3 แสนบาท และได้ต่อรองจนเหลือ 1 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน