ไม่อยากเลิก! สามีง้อภรรยาไม่สำเร็จ ชักปืนลั่นไกใส่เมีย กระสุนฝังปอดบาดเจ็บสาหัส

ไม่อยากเลิก! สามีง้อภรรยาไม่สำเร็จ ชักปืนลั่นไกใส่เมีย กระสุนฝังปอดบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 9 เม.ย. 67 ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 41/4 หมู่ 2 ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี หลังได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ จากนางสุนิษา ลาสะมอ อายุ 57 ปี (แม่ผู้เสียหาย) และน.ส.ศิรินทร์ทิพย์ บุญเพ็ชร อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ตำบลขุนศรี (ญาติผู้เสียหาย)

ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 16.30 น. นายอนุชา ศรีจำปาทอง หรือนายนุ อายุ 33 ปี (ลูกเขยผู้ก่อเหตุ) ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิด ยิงลูกสาวคือน.ส.ธีรดา ผู้ดี หรือ น.ส.วิน อายุ 33 ปี (ผู้เสียหาย) กระสุนปืนเฉี่ยวศีรษะ ถูกกลางหลังฝังทะลุอยู่ในปอด ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังตามง้อไม่สำเร็จ ก่อนจะขับขี่รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒฉ 1787 กทม. หลบหนีไป

จากการสอบถาม น.ส.ศิรินทร์ทิพย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ตนได้รับการประสานจากนางสุนิษา ให้ไปรับ น.ส.วิน หลังโดนสามีชื่อนายนุ ตบตีหลบอยู่ในปั๊ม ตนจึงรีบไปรับแล้วพาไปแจ้งความไว้ที่สภ.ไทรน้อย เพราะโดนสามีตบตีมาหลายครั้งแล้ว ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วกลับมาบ้าน หลังจากนั้นตอนเย็นวันเดียวกัน นายนุได้มาเก็บของที่บ้าน ได้นำรถจยย.และเอกสารของน.ส.วินไปด้วย ตนเลยให้ น.ส.วิน หลบออกจากบ้านไปก่อน กลัวว่านายนุจะกลับมาทำร้ายอีกรอบ

หลังจากนั้นตนได้โทรศัพท์ไปหาผู้ใหญ่บ้านที่นายนุอยู่ ให้เอารถจยย.กลับมาเพราะ น.ส.วินต้องขับไปทำงาน พอตกกลางคืนนายนุได้นำรถจยย.มาคืน แต่นำรถจยย.อีกคันไปด้วย บอกว่าจะเอาไปใช้ หลังจากเอารถจยย.ไปแล้ว ได้ขับรถไปตาม น.ส.วิน ทั้งที่ทำงานและบ้านเพื่อน สร้างความเดือดร้อนรำคาญ จนวันที่เกิดเหตุวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. ตอนเช้า ทางแม่ของน.ส.วิน โทรมาแจ้งตนว่าให้มาดู พบว่านายนุนอนอยู่บนเปลหลังบ้านตน เลยถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ตนจะไกล่เกลี่ยให้เลยให้

แม่โทรเรียก น.ส.วิน ให้มาไกล่เกลี่ยที่ สภ.ไทรน้อย ทางฝ่ายชายจะขอคืนดี แต่ฝ่ายหญิงยืนยันว่าจะเลิก และไม่ถอนแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย เลยลงบันทึกประจำวันกันเป็นครั้งที่ 2 ว่าจะเลิกแล้วต่อกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆทั้งสิ้น ไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทางผู้ชายยอมเซ็นแต่มีอาการโมโหแล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่คิดว่านายนุจะมารออยู่ที่บ้าน ตนขึ้นไปดู นายนุไม่พอใจชี้หน้าด่าตน ก่อนจะรีบกลับออกไปจากบ้าน

ไม่ถึง 5 นาที นายนุกลับมาอีกครั้งอ้างว่าจะมาเอาเครื่องเสียง ตอนนั้นตนนั่งจับกลุ่มคุยกันกันหลายคน รวมทั้ง น.ส.วินแล้วก็แม่ของ น.ส.วิน นายนุเดินไปเดินมารอบบ้าน มาโผล่ที่หน้าต่าง พยายามพูดง้อ แต่ไม่สำเร็จเลยตะโกนมาว่า จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ก่อนจะชักอาวุธปืนยิง น.ส.วินจำนวน 1 นัด กระสุนเฉี่ยวศีรษะทะลุหลังฝังที่ปอด ทางหมอบอกว่ าถ้าผ่าตัดจะอันตรายกว่าไม่ผ่า ล่าสุดได้เจาะเอาออกซิเจนออกเพราะหายใจติดขัด หลังก่อเหตุนายนุได้หลบหนีไป

ทางตนกับแม่ของ น.ส.วินจึงได้เดินทางเข้าไปแจ้งความที่สภ.ไทรน้อย ข้อหาพยายามฆ่า แต่ไม่จบ เมื่อวานตอน 2 ทุ่ม มีคนเห็นนายนุขับรถกระบะมาแถวบ้านตน รู้สึกหวาดกลัวมาก เพราะที่บ้านนี้มีแต่ผู้หญิงทั้งบ้าน มีทั้งเด็ก ทั้งคนแก่ ตนเลยร้องขอความช่วยเหลือจากดร.แก้ว ให้ช่วยประสานตำรวจมาคอยสอดส่องดูแล เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัยและอยากให้ช่วยเร่งรัดตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว กลัวว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุซ้ำ

ทางด้าน นางสุนิษา อายุ 57 ปี (แม่ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ลูกสาวตนคบกับลูกเขยได้ 2 ปี ตอนแรกแอบคบกันและก็ไปอยู่ที่บ้านของผู้ชาย พอตนรู้ในหลักศาสนาอิสลามจะต้องทำให้ถูกต้อง ตนไม่รู้ว่านิสัยของลูกเขยเป็นคนยังไง แต่ลูกสาวบอกว่าดีรับได้ที่มีลูกติด 2 คน ตนจึงไม่ขัดขวาง และจัดพิธีให้ถูกต้องเพียงเล็กๆน้อยๆ แต่ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อย หาเงินไม่พอใช้ก็มาขอลูกสาวตน เวลามีปากเสียงกันก็จะทุบตีลูกสาวตน ต่อหน้าหลานก็เคยทำ ส่วนใหญ่ทะเลาะกันเรื่องเงินไม่พอใช้ ขอยืมแต่ไม่คืน

ตอนนี้ตนรู้สึกกลัวมากเลย ต้องปิดบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะเหตุการณ์วันนั้นอุกอาจมาก เกิดมายังไม่เคยได้ยินเสียงปืน แต่ลูกเขยยิงเข้ามาในบ้าน ตนนั่งอยู่กับลูกสาวและหลานในบ้าน วิ่งหนีกันเข้าห้องน้ำเพื่อให้ปลอดภัย ตอนนี้ลูกสาวตนได้รับบาดเจ็บถูกยิงกระสุนฝังในปอด ลูกเขยตนติดยาด้วย ตนก็ไม่รู้ ถ้ารู้แต่แรกคงไม่เอาเพราะตนไม่ชอบ ตนอยากบอกกับลูกเขยว่า ต่อไปนี้อย่าทำแบบนี้อีก และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้

ส่วน ดร.แก้ว กล่าวว่า ตนได้ประสานงานกับตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรีให้ช่วยเร่งรัดคดีในการจับกุมผู้ต้องหารายได้ให้ได้ไวที่สุด เนื่องจากผู้เสียหายหวาดกลัวมากเพราะในครอบครัวมีแต่ผู้หญิงอยู่ทั้งบ้าน ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย ให้เข้ามาตรวจดูแลให้บ่อยขึ้น ฝากถึงผู้ก่อเหตุเป็นลูกผู้ชายก็อย่าหลบหนี มาสู้คดีในสิ่งที่ถูกต้องดีกว่า ยังมีโอกาสคุยกันได้ แต่ถ้าหากคุณยิ่งหนี มันจะไม่มีโอกาส ฝากให้มามอบตัวหรือมาขอโทษผู้เสียหาย ส่วนในเรื่องคดีตนได้ประสานตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และผู้กำกับสภ.ไทรน้อยแล้ว คาดว่าไม่เกิน 1-2 วัน จะสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ