ร้อยเวรเท้าไวถีบช่วยชีวิตผู้ต้องหาได้ทัน หลังจะใช้เศษแก้วทำร้ายตัวเองกลางโรงพัก

ร้อยเวรเท้าไวถีบช่วยชีวิตผู้ต้องหาได้ทัน หลังจะใช้เศษแก้วทำร้ายตัวเองกลางโรงพัก

วันที่ 8 เมษายน 2567 เฟซบุ๊ก ข่าวสารเมืองปราการ v2 ได้มีการภาพวงจรปิดที่ห้องสอบสวนของ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ สามารถจับภาพได้ในขณะที่ ร.ต.อ.ธนาวุฒิ ดวงจินดา รอง สว.(สอบสวน)ฯ นำตัว นายวิมล อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน มาสอบปากคำที่โรงพัก และให้ผู้เสียหายชี้ยืนยันตัว

แต่ในขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ อยู่นั้น ปรากฏว่า นายวิมล ผู้ต้องหา ซึ่งในขณะนั้นถูกใส่กุญแจมืออยู่ด้วยนั้น เจ้าตัวได้เอื้อมไปคว้าขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่วางอยู่บนโต๊ะของพนักงานสอบสวน ต่อหน้าต่อตาตำรวจ ก่อนจะนำขวดเครื่องดื่มชูกำลังทุบที่พื้นเพื่อให้ขวดแตกแล้วใช้ขวดดังกล่าว พยายามจะปาดคอตัวเองและแทงคอตนเองหลายครั้ง เมื่อ ร.ต.อ.ธนาวุฒิ เห็นแบบนั้นไม่รอช้า ใช้เท้าถีบเข้ากลางอกผู้ต้องหาทันที จนหงายท้องเสียหลักพิงกับเก้าอี้ ก่อนจะเข้าล็อกมือและแย่งขวดดังกล่าวออก

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในโรงพักอีกสองสามนายพากันเข้ามาระงับเหตุ จากนั้นจึงควบคุมตัวจะกลับห้องขัง แต่พบว่า ผู้ต้องหามีบาดแผลที่คอเล็กน้อยและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายถูกบาดจนมีแผลด้วยกัน ตำรวจจึงประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลไม่ลึกและไม่ถูกอวัยวะสำคัญ จึงนำตัวผู้ต้องหารายนี้กลับเข้าห้องขัง ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้มาใช้บริการที่โรงพักสำโรงเหนือแห่งนี้

ทางด้าน พ.ต.อ. วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกคนร้ายมาขโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้เอาไว้ได้ จึงแจ้งตำรวจให้ไปรับตัว แต่ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำเพิ่มเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ปรากฏว่าผู้ต้องหารายนี้ ได้ก่อเหตุดังกล่าวตามภาพวงจรปิด

ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ เคยก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดไปก่อเหตุในท้องที่ของสน.บางนา พอถูกเจ้าของทรัพย์หรือตำรวจจับกุมตัวได้ ก็จะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันด้วยการทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องให้ผู้เสียหายใจอ่อนสงสารไม่เอาความ ซึ่งก็เคยได้ผลมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดที่สน.บางนา เนื่องจากมูลค่าความเสียหายไม่มาก กระทั่ง มาก่อเหตุในท้องที่สำโรงเหนือซ้ำอีก

ทั้งนี้ จากประวัติพบว่ามีการก่อเหตุโดยเป็นนิสัยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้เสียหาย ครั้งนี้จึงต้องดำเนินคดีให้เข็ดหลาบ โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคลหรือทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์ , ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ , ทำร้ายเจ้าหน้าที่

ด้าน ผู้เสียหาย จากการสอบถาม (เจ้าของห้อง) เล่าว่า ผู้ก่อเหตุขโมยพวกพระเครื่องไป ลักษณะที่อยู่ของตนเป็นห้องเช่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ออกไปซื้อของข้างนอก แต่ก็ล็อกห้องเอาไว้แล้วก่อนที่จะไป แต่พอกลับมาเห็นผู้ก่อเหตุเดินออกมาจากห้องของตนพอดี ตนจึงถามผู้ก่อเหตุว่าเข้าห้องของตนได้อย่างไร

ฝ่ายนั้นอ้างว่าเข้าห้องผิด ตนจึงบอกว่าให้อยู่คุยกันก่อน แต่ผู้ก่อเหตุก็พยายามจะหนีอย่างเดียว คนในซอยจึงช่วยกันจับตัวไว้แล้วก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาควบคุมตัว ส่วนตอนที่อีกฝ่ายทำร้ายตัวเองอยู่ในห้องแจ้งความตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว

ขอบคุณ เฟซบุ๊ก ข่าวสารเมืองปราการ v2

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ