บุกจับ เจ๊ฝน อดีตเจ้าของร้านคาราโอเกะชื่อดัง ค้าประเวณี 3 เด็กหญิงวัย14
วันที่ 4 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กก.4 บก.ปคม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา น.ส.น้ำฝนฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1134/2567 ลง 15 มี.ค. 2567 และ หมายจับศาลอาญาที่ 1247/2567 ลง 26 มี.ค. 2567 ในความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหาพามาจากที่ใดหรือรับไว้ซึ่งเด็กอายุเกิน15ปี แต่ยังไม่ถึง 18ปี เป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอม หรือไม่ก็ตาม
พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมของ กก.6 บก.ปคม. สืบทราบว่า ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นพนักงานนั่งดริ้ง แฝงด้วยการขายบริการทางเพศให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยเจ้าของร้านได้ประโยชน์จากการขายบริการทางเพศของเด็ก ซึ่งเข้าข่ายการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ จึงให้สายลับทำการสืบสวนหาข่าวเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้แสวงหาประโยชน์จากเด็ก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.6 บก.ปคม. ได้ให้สายลับเข้าไปใช้บริการ ที่ร้านดังกล่าว และได้เลือกพนักงานหญิงมาบริการ ร่วมกินดื่ม และปรนนิบัติสายลับที่โต๊ะ โดย ด.ญ.เอ (นามสมมุติ อายุไม่เกิน 18 ปี) มาร่วมนั่งกับสายลับที่โต๊ะด้วย กระทั่งสายลับได้สอบถามนางสุกฯ สัญชาติลาว เจ้าของร้านในขณะนั้น ถึงเรื่องค่าตัวกรณีพาพนักงาน ไปร่วมประเวณี นางสุกฯ แจ้งว่า จะต้องจ่ายค่าตัวเด็กให้ร้านครั้งละ 200 บาท โดยเด็กจะมีค่าตัวชั่วคราว ครั้งละ 2,000 บาท หลังจากสายลับจ่ายเงินให้ร้านแล้ว จึงนำตัวเด็กออกจากร้านไปยังโรงแรมเพื่อร่วมประเวณี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางแผนเข้าช่วยเหลือและเข้าสู่กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ส่วนนางสุกฯ ซึ่งเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการค้าประเวณี ถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.6 บก.ปคม. ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางสาวสุกฯ พบว่า มีการโอนและรับโอนเงินจากนางสาวน้ำฝนฯ และ ด.ญ.เอ อีกทั้งยังมีผู้เสียหาย
ซึ่งเป็น ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี อีก 2 ราย ที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนางสาวน้ำฝนฯ และให้การยืนยันว่า นางสาวสุกฯ เซ้งร้านต่อจากนางสาวน้ำฝนฯ ซึ่งขณะที่นางสาวน้ำฝนฯ เปิดร้านคาราโอเกะดังกล่าว ด.ญ.เอ, ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี ก็เป็นพนักงานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะดังกล่าว และนางสาวน้ำฝนฯ ได้ประโยชน์จากการ ที่ ด.ญ.เอ, ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี ออกไปขายบริการทางเพศให้แขก โดยหาก ด.ญ.เอ, ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี ขายบริการแบบชั่วคราว ราคา 2,000 บาท นางสาวน้ำฝนฯ ได้ประโยชน์ 200 บาท แต่หาก ด.ญ.เอ, ด.ญ.บี และ ด.ญ.ซี ขายบริการแบบค้างคืน ราคา 3,000 บาท นางสาวน้ำฝนฯ ได้ประโยชน์ 500 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายจับนางสาวน้ำฝนฯ ในความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ปคม. สืบทราบว่า นางสาวน้ำฝนฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงได้ประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคม. เพื่อร่วมเดินทางไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบบุคคลซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้าย
นางสาวน้ำฝนฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับยืนอยู่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้ดู นางสาวน้ำฝนฯ ดูแล้วยืนยันว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับกุม ตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวนางสาวน้ำฝนฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน