สั่งจับ ร.ต.ท. ลูกน้องลักลอบผลิตปืนอัดลมเถื่อนขายออนไลน์ ฟันกำไรเดือนละกว่า 3 แสน สั่งฟันวินัย-อาญา
สืบเนื่องจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้กำชับการปฎิบัติให้ บช.สอท. เร่งปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน กอปรกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 1-10 เม.ย.67
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สืบทราบว่า มีการนำเสนอขายอาวุธปืนยาวอัดลมแรงดันสูง ผ่านทาง แอปพลิเคชันยูทูป ช่อง AUNDERCOVER ก่อนที่จะให้ผู้ที่สนใจติดต่อผ่านไอดีไลน์ @tdz8888 เพื่อทำการติดต่อซื้อขาย ซึ่งไลน์ดังกล่าวมีสมาชิก 6,238 ผู้ติดตาม 2,552 คน จึงได้ทำการสั่งซื้อ จนพบข้อมูลว่ามีการส่งอาวุธปืนอัดลมผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน โดยใช้บ้านดังกล่าวเป็นสถานที่ในการจัดส่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้กระทำผิดรายนี้คือ ร.ต.ท.ปัณณทัต อายุ 35 ปี สังกัด บช.สอท. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออำนาจศาลออกหมายเพื่อทำการเข้าตรวจค้น
ต่อมาวันที่ 4 เม.ย.67 บก.สอท.4 นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรีที่ ค.329/2567 ลงวันที่ 2 เม.ย.67 เข้าตรวจค้น บ้านพักหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านนันทนา ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์สองชั้น โดยขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบ ร.ต.ท.ปัณณทัต กำลังแพ็กอาวุธปืนเพื่อจัดส่งทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้า ซึ่งทันทีที่ ร.ต.ท.ปัณณทัต เห็นเจ้าหน้าที่ ก็มีสีหน้าตกใจ ก่อนรับเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว และยินยอมให้ตรวจสอบ จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนยาวอัดลม 3 กระบอก, พานท้ายปืน 100 ชิ้น, ลำกล้องปืนสไนเปอร์ 150 ชิ้น, ที่สูบลมปืนแบบมือ 20 ตัว, ที่สูบลมไฟฟ้า 2 ตัว, กริปมือ 120 ชิ้น, ชุดยิง 47 ตัว, กระสุนหัวร่มกว่า 200 นัด และอุปกรณ์อื่นๆจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจยึดไว้
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ร.ต.ท.ปัณณทัต ให้การรับสารภาพว่ามีความชื่นชอบในเรื่องของอาวุธปืน จึงได้ทำการศึกษาและได้ทดลองสั่งอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ อุปกรณ์ส่วนควบ, เกลียวลำกล้อง และ ชุดลั่นไก มาจากทางออนไลน์ ก่อนทำการขายให้กับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบอาวุธปืน และกลุ่มชาวสวนที่จะนำปืนไปยิงสัตว์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานเป็นหลัก ที่ผ่านมาทำมาแล้วกว่า 3 ปี มีลูกค้าสนใจสั่งซื้อเฉลี่ยเดือนละ 20-30 กระบอก ขายกระบอกละ 15,000 บาท กำไรหลังจากหักต้นทุนแล้วตกเฉลี่ยกระบอกละ 3,000-4,000 บาท ทำให้ต่อเดือนจะมีรายได้กว่า 3 แสนบาท อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ต้นสังกัดของนายตำรวจนายนี้ ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้รายงานผลให้ทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการในส่วนของวินัยและอาญาตามขั้นตอน นอกจากนี้ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่าให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากพบมีตำรวจในสังกัดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิด
พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า อาวุธปืนอัดลมที่ตรวจยึดนั้น แม้ไม่ใช่อาวุธปืนจริง แต่หากมีการนำมาใช้งานก็เป็นอันตรายแก่ชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่าในห้วงตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.-13 ก.พ.67 ที่ผ่านมา มีการส่งพัสดุทั้งหมด 104 ครั้ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวสอบสวน และขยายผล พร้อมแจ้งข้อหาข้อหาจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และ ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ยังสั่งให้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการตำรวจคนอื่น ตามนโยบายกวาดบ้านตัวเองให้สะอาด พร้อมกำชับข้าราชการในสังกัด ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ หากฝ่าฝืนและตรวจพบ จะส่งดำเนินการตามกระบวนการทุกราย
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน