ทลายเครือข่ายแก๊งหลอกให้รักนาน 6 ปี ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้าน

ทลายเครือข่ายแก๊งหลอกให้รักนาน 6 ปี ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้าน

วันที่ 26 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ดังนี้ 1.) น.ส.นนทิกาญจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 774/2567 ลง 27 กุมภาพันธ์ 2567 สถานที่จับกุม ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ต.บางนมโค อ.เสนา จว.พระนครศรีอยุธยา 2.) น.ส.กฤษติกา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1142/2567 ลง 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง แขวงสามพระยา เขตพระนคร จว.กรุงเทพมหานคร 3.) นายก้องภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1143/2567 ลง 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา 4.) นายจีรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1144/2567 ลง 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บ้านพักอาศัย ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จว.สระแก้ว 5.) นายวชิระ(สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1141/2567 ลง 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บริเวณริมถนน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปี 2559 ผู้เสียหายได้ใช้บริการเว็บไซต์หาคู่เพื่อหาคนคุยในโลกออนไลน์ ปรากฎว่าผู้เสียหายพบกับโพสหาคู่ของ “น.ส.ไอซ์” ซึ่งเป็นบุคคลรูปร่างหน้าตาดี ผู้เสียหายจึงได้เพิ่ม ไอดีไลน์ไปพูดคุยกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็น น.ส.ไอซ์ฯ นั้นเป็นบัญชีไลน์ของคนร้ายได้ปลอมขึ้นมาเพื่อไว้ใช้หลอกลวงเหยื่อ โดยผู้เสียหายได้พูดคุยกับ น.ส.ไอซ์ฯ เรื่อยมาจนเกิดความสนิทสนมชอบพอจนไปถึงจะแต่งงานด้วยกัน ต่อมา น.ส.ไอซ์ฯ ได้บอกกับผู้เสียหายว่าตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงต้องใช้เงินมาเป็นค่ารักษาจำนวนมาก ผู้เสียหายเกิดความเห็นใจประกอบกับชอบพอในตัว “น.ส.ไอซ์” จึงได้โอนเงินให้กับคนร้ายเรื่อยมา โดย น.ส.ไอซ์ฯ ได้สร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมากมายหลายเรื่อง เช่น การชดใช้หนี้สินที่กู้ยืมมา, การชดใช้หนี้ของครอบครัว, ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน, ค่ารักษาพยาบาล, ชักชวนลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาได้แวะเวียนกันมาบ้านผู้เสียหายโดยอ้างว่า น.ส.ไอซ์ฯ ส่งให้มาดูแลผู้เสียหาย ประกอบกับ น.ส.ไอซ์ฯ ได้อ้างว่าเมื่ออาการป่วยดีขึ้นจะย้ายมาอยู่บ้านของผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า น.ส.ไอซ์ฯ มีตัวตนอยู่จริง จึงได้โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านและเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายได้มีการส่งมอบทรัพย์สินให้กับคนร้าย ไปจำนวนมากกว่า 960 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 63,088,953 บาท

จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายจริง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย พบว่าคนร้ายได้ใช้บัญชีของกลุ่มคนร้ายเองมารับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดกับ น.ส.ไอซ์ฯ เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว จะมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายรายอื่น และได้ทำการแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรถยนต์และของแบรนด์เนมต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับศาล ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 5 หมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ป. ร่วมกันตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 จุด, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3 จุด และจังหวัดสระแก้ว 1 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 5 ราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร/บัตรกดเงินสด/บัตรเครดิต รวม 13 รายการ และตรวจยึดพระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น น.ส.นนทิกาญจน์ฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้นำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอมหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยจะนำรูปและไอดีไลน์ไปโพสต์ในเว็บไซต์หาคู่หาคนคุยต่างๆ เมื่อมีเหยื่อลงเชื่อแอดไลน์มาก็จะพูดคุยสร้างความสนิทสนมเชิงชู้สาว โดยผู้เสียหายในคดีนี้แอดไลน์มา เมื่อพูดคุยจนสนิทสนมแล้วจึงได้สร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้ ส่วนเงินที่ได้รับโอนมานั้นก็จะนำมาแบ่งสันปันส่วนมากน้อยต่างกันในกลุ่มคนร้ายเอง และนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆ จำนวนมาก

ตำรวจจึงแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ นอกจากจะทำให้เสียใจแล้วยังอาจทำให้เสียทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก และขอให้ใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันแก๊งโรแมนซ์สแกม และมิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่โอนเงินให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่คิดว่าตนเคยถูกกลุ่มคนร้ายดังกล่าวหลอกลวง สามารถติดต่อมายัง กก.2 บก.ปอท. เพื่อประสานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ