เมื่อเวลา 20.25 น. วันที่ 20 มีนาคม 2567 พันตำรวจโทเจษฎา พรหมสุวรรณ์ สารวัตรใหญ่ สภ.มะนาวหวาน อ.พัฒนานิคม ลพบุรี นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่บ้านเลขที่ 65/2 หมู่ 2 ตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งได้ประสานตำรวจงานสืบสวน สภ.มะนาวหวาน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว. ลพบุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลพัฒนานิคม นายธนณัฐ อาจิณกิจ นายอำเภอพัฒนานิคม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นคร88 และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูรุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ

จุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงอยู่ห่างจากถนนทางเข้าหมู่บ้านไปประมาณ 100 เมตร ที่ใต้ถุนบ้านพบร่างชายจำนวน 2 คน นอนแน่นิ่งจมกองเลือด เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นจุดเกิดเหตุเพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ร่วมในการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งทราบว่าได้มีกู้ภัยฯนำคนเจ็บสาหัสส่ง รพ.ไปก่อนหน้าจำนวน 1 ราย และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ซึ่งผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุทราบชื่อนายสีไพร โสเพ็ชร อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพนั่งอยู่กับพื้นหน้าคะมำ จากการชันสูตรพลิกศพ พบถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 มม. ที่ท้ายทอย 1 นัด ข้างศพพบค้อนเปื้อนครบเลือด 1 อัน

ส่วนศพที่ 2 ชื่อนายคมศร ไชยวัฒน์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 3 ตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ถูกยิงท้ายทอย 1 นัด ร่างไร้วิญญาณทับชามอาหาร ส่วนอีกคนตรวจสอบแล้วยังหายใจรวยริน ร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ นำส่งโรงพยาบาลวังม่วงสัทธรรม สระบุรี แต่เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายสมรรถชัย กอสูงเนิน อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 2 ตำบลหนองรี อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ถูกยิงเข้าที่ศีรษะและกลางอกรวม 2 นัด รวมเสียชีวิตทั้งสิ้นจำนวน 3 ราย

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายอนุวัตร ถัดทะพงษ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 194 หมู่ 4 ตำบลซับสนุ่น อำเภอวังม่วง จังหวัดสะบุรี หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ยก-2649 นครราชสีมา หลบหนีไม่ทราบเส้นทาง ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังม่วง ได้แจ้งมาว่าได้ทำการจับกุมรถคันก่อเหตุพร้อมด้วยผู้ขับขี่และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเอาไว้ได้ที่ด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะนาวหวาน และฝ่ายปกครองอำเภอพัฒนานิคมได้เดินทางไปรับตัวนายอนุวัตรส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะนาวหวาน

ในขณะที่ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุมีผู้แจ้งว่าได้ยินเสียงอาวุธปืนดังจำนวน 4 นัด จึงได้เดินทางมาดูพบมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งผู้นำท้องถิ่นกล่าวว่าที่บ้านหลังนี้ช่วงเย็นมักจะมีกลุ่มวัยรุ่น มามั่วสุมดื่มสุรา เสพยา และเป็นจุดจำหน่ายยาเสพติด

ซึ่งนายอนุวัตรมือปืนที่ก่อเหตุมีศักดิ์เป็นหลานเขยนายสีไพร เจ้าของบ้านที่ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะ หลบหนีไปมุ่งหน้าด่านตรวจวังม่วงสามารถสกัดจับได้ ส่วนประเด็นสาเหตุที่มือปืนลงมือก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหดนั้นไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวนเสียก่อน ในเบื้องต้นชนวนเหตุสังหาร 3 รายน่าจะมาจากการทวงหนี้ จากการค้าขายยาเสพติด

ด้าน นายอนุวัตร ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุ ตนเองเพิ่งได้ปืนกระบอกดังกล่าวมาจากบ้านที่วังม่วง ซึ่งเป็นปืนของตาที่เสียชีวิตไปแล้ว เอามาพกติดตัวเป็นวันแรก แต่วันเดี่ยวกันนี้ก่อนที่ตนจะไปก่อเหตุ ตนได้มีเรื่องปากเสียงกับภรรยาอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 2 นัด ก่อนที่จะขับรถยนต์มาที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อมาขอมะละกอที่บ้านของนายสีไพร

เมื่อเดินทางมาถึงพบว่ามีคนไม่รู้จัก 2 คนเตรียมจะตั้งวงดื่มสุรากับนายสีไพร จึงเอ่ยปากขอมะละกอที่บ้านนายสีไพร แต่กลับถูกนายสีไพร พูดจากระทบกระทั่ง ซึ่งตนเองยังมีอารมณ์เคืองขุ่นมาจากบ้าน มาเจอคนด่าจึงเกิดความโมโห ประกอบกับพฤติการณ์นายสีไพร น้าเขยคนนี้ติดยาเสพติด ชอบไปขอเงินกับเมียตน ซึ่งเปนหลานสาวรวมถึงขู่เอาเงินจากแม่ยายตน เพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้า พอไม่ให้เงินก็จะข่มขู่คนในบ้านตน และที่สำคัญชอบก้าวร้าวต่อหน้าลูกวัย 4 ขวบ และ 11 ขวบของตน จนขวัญหนีดีฝ่อ ซึ่งตนเองก็เคยเตือนภรรยาว่า สักวันจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของเรา

ตนเองยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องยาเสพติดตนไม่เคยเกี่ยวข้องและเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรักลูก รักครอบครัว และแค้นสะสม จนระเบิดความแค้นรัวกระสุน 4 นัด เสียชีวิตไป 3 คน ส่วนอีก 2 คน ถ้าไม่มีปากเสียไม่เยาะเย้ยตนก็คงจะไม่เสียชีวิต เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมชน ซึ่งนายอนุวัตรมือปืนยอมรับสารภาพ โดยมีญาติภรรยาและลูกน้อยมาคอยสังเกตุการณ์

ผู้สื่อข่าวจังหวัดลพบุรี ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

เรียบเรียง siamnews