อดีตสามีเก่าตามหึงภรรยา พบขณะอยู่กับแฟนใหม่ คว้าลูกซองยิงแฟนใหม่ดับ รับสารภาพหึงหวง
วันที่ 18 มีนาคม2567 เวลา 22.25 น. ในขณะที่ร.ต.อ.ธเนษฐ โชติศิริ รอง ส.ว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี กำลังปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนเวรประจำวันอยู่นั้น ได้รับแจ้งว่า จากโรงพยาบาลสมเด็จพระบุพราชบ้านดุงว่า มีเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปทำการรักษา ที่ รพ. และเสียชีวิตแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกไปชัณสูตรศพและตรวจสถานที่เกิดเหตุ ด้วย
หลังจากรับแจ้ง พนักงานสอบสวนเวรจึงได้ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ จากนั้น ได้รีบรุดออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก. สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และรีบรุดออกไปจุดเกิดเหตุ และทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาชื่อ นาย สมพงศ์ ซองทอง อายุ 56 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้าที่บริเวณลำคอ และใบหน้า ได้รับอาการบาดเจ็บ ทำให้เสียชีวิตหลังจากส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุงแล้ว โดยทราบผู้ก่อเหตุในเวลาต่อมา ชื่อ นายคำไพร กุลสฤกษ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ได้ไปทำการควบคุมตัวไก้ที่บ้านห้วยปลาโด พร้อมด้วยอาวุธปืนของกลาง
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านห้วยปลาโด บริเวณทางเข้าวังปลาโดรีสอร์ต ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ พบนายสงกรานต์ กว้างขวาง 39 ปี ราษฎรบ้านห้วยปลาโด ซึ่งเป็นผู้อยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุ และเป็นผู้ปฐมพยาบาล ผู้ถูกยิง ได้กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ผมอยู่ในบ้านที่ กำลังดูแลภรรยา ซึ่งเพิ่งคลอดลูกสาว ขณะที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงปืนดัง จึงวิ่งออกมาดู พบผู้ถูกยิงคือนายสมพงษ์ ซองทอง พี่ชาย อายุ 56 ปี นอนอยู่ที่พื้นหายใจรวยริน จึงได้ทำการปฐมพยาบาลทำ CPR ด้วยการผายปอด และเป่าปาก กระทั่งผู้บาดเจ็บฟื้นหายใจคืนมา สามารถพูดคุยได้ กระทั่งรถกู้ชีพบ้านดุงมารับผู้ป่วยไปหาหมอที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุง และเสียชีวิตในที่สุด
โดย นางมะลิวัลย์ แก้วน้ำใส อายุ 51 ปี ญาติพี่น้อง ของน.ส. ฝน ได้กล่าวว่า ในคืนวันเกิดเหตุ ผู้ตาย ละ น.ส.ฝนนั่งอยู่ด้วยกันเก้าอี้คนละตัว มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ 4 คน ขณะที่กำลังกำลังพูดคุยกัน มีญาติอีกคนนั่งอยู่ที่หน้าเตาไฟ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด และเห็นผู้ตาย ล้มจากเก้าอี้ ซึ่งทุกคนตกใจมาก รีบไปปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ โดยนายสงกรานต์ได้ทำการช่วยเหลือ สามารถพูดคุย และโต้ตอบได้ จนกระทั่งถูกนำส่งรพ. และทราบอีกครั้งว่าเสียชีวิต ส่วน เรื่องนี้ มีสาเหตุมาจากความหึงหวง สามีเก่าที่เลิกรากันไปตามหึงหวงอดีตภรรยา และรู้ด้วยว่าผู้ยิงเป็นใคร
แม่ผู้ตาย แม่ปั่น ซองทอง 75 ปี แม่คนตายกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุ ยายอยู่ที่บ้านจุดเกิดเหตุ มาเยี่ยมคลอดหลานสะใภ้ เพิ่งคลอดลูก ในขณะที่กำลังอยู่ในบ้านได้ยินเสียงปืน ดังขึ้น 1 นัด แม่ก็บอกว่าเสียงปืน จากนั้น เห็นสงกรานต์วิ่งออกจากบ้านไปดู และ ได้ยินว่า ลูกชายถูกยิง ครู่ใหญ่ ๆ มีจนท.กู้ชีพ อบต.บ้านดุง มารับ ส่วนเหตุการณ์นี้ แม่เสียใจมากไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป แม่ไปกอดลูกชาย ซึ่งนอนอยู่ที่พื้นหลังจากถูกยิงแล้ว เขาก็กอดแม่ตอบ เรียกหาแม่ หลังจากนั้น รถกู้ชีพมา นำลูกชายแม่ขึ้นรถกู้ชีพเพื่อนำไปส่งโรงพยาบาล แม่ไม่อยากให้คนยิงมาขมาศพ เพราะกลัวเหตุการณ์ไม่ดี กลัวเขาจะถูกรุมทำร้าย และ ถึงแม้ว่า คนยิงจะมาขอขมา ลูกชายของแม่ก็ไม่ฟื้นคืนมา ให้เขาอยู่ที่สภ.บ้านดุง เลย ถูกดำเนินการตามกฏหมายไปเลย
แม่ผู้ก่อเหตุ แม่ชาดี ใจน้อย อายุ 74 ปีได้กล่าวว่าแม่บอกแม่สอน สิ่งที่ดีๆทุกอย่าง แต่เขาไม่เชื่อฟังคำพูดของแม่เลย แม่เสียใจ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
ทางด้าน น.ส.รัชนี เถื่อนเฮ้าลา หรือ ฝน อายุ 43 ปี กล่าวว่า ตนเคยอยู่ด้วยกันกันกับนายคำไพร ผู้ก่อเหตุ มาประมาณ 2 ปี จากนั้น ตน กับนายคำไพร ได้เลิกกัน แต่ยังทักทายกัน นายคำไพร จะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว มุทะลุน่ากลัว แต่เขาไม่เคยมาทำร้ายตนเอง ในวันเกิดเหตุตนได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งวนไป มา 2 รอบ และผู้ก่อเหตุทักเข้ามา บอกให้ตนกลับบ้าน ตนจึงตอบไปว่า กำลังจะกลับ แต่ในขณะเดียวกัน ตนยังนั่งคุยกันกับผู้ตายที่จุดเกิดเหตุ
โดยผู้ตาย คือนาย สมพงศ์ พูดเป็นลางว่า มื้อนี้ พายุใหญ่ จะเข้าอ้ายส่ำพายุทอร์นาโด ซึ่งตนก็ได้แต่ปลอบใจว่า คงไม่มีอะไรหรอก ผู้ตายเป็นคนใจเย็น อบอุ่น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เราวางแผนจะสร้างอนาคตด้วยกัน โดยพี่เขาบอกว่าวันนี้ขออยู่ด้วย แป๊ปๆ และมาถูกยิง ในขณะที่ตนกับพี่เขากำลังพูดคุยกัน อาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณคอ และใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มตกจากเอ้าอี้ หนูเข้าไปประคอง คนละข้างกับแม่เขา เขาจับมือหนูแล้วบอกว่ารักมาก รักที่สุด หลังจากเสร็จเรื่องราวการฌาปนกิจศพต่างๆดีแล้ว หนูจะอยู่เพียงลำพัง หนูจะไม่กลับไปหาคนเก่า ไม่เอา คนเก่า หนูสงสารพี่เขา (ร้องไห้) คิดถึงเรื่องราวดีๆที่พี่เขาพูด ว่าเราจะสร้างอนาคตด้วยกัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.บ้านดุง ซึ่งทางด้าน พนักงานสอบสวนเวรได้กล่าวว่า จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และสารภาพว่าทำไปเพราะความหึงหวง หลังก่อเหตุได้เอาปืนไปโยนทิ้งที่ข้างถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปจุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่าโยนปืนทิ้ง และพบอาวุธปืนก่อเกิดจึงยึดมาเป็นของกลางและจะดำเนินการตามกฎหมายในที่สุด
ส่วนศพผู้ตายหลังจากเสร็จสิ้นจากการตรวจสอบของ จนท.โรงพยาบาล ทางญาติพี่น้อง จะนำศพของผู้ตายไปตั้งศพไว้ที่วัดป่าประชานิมิตร บ้านห้วยปลาโด หมู่ที่ 5 เพื่อกำหนดการฌาปนกิจต่อไป
เรียบเรียง ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.อุดรธานี