ลูกชายคลั่งทะเลาะกับแม่เผาบ้านวอดทั้งหลัง กรอบรูป ร.9 ไม่ไหม้

ลูกชายคลั่งทะเลาะกับแม่เผาบ้านวอดทั้งหลัง กรอบรูป ร.9 ไม่ไหม้

วันที่ 13 มีนาคม 67 เวลา 15.30 น. พนักงานวิทยุ สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งจาก นางบุญน้อม บุญตาแสง ผญบ. หมู่ ที่ 1 ว่า มีลูกชายคลั่ง จุดไฟเผาบ้าน ที่หน้าวัดป่าอรุณรังษี บ้านดงบังหนองเขื่อน ต.หนองสระปลา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งเจ้าหน้าที่ มาช่วยทำการดับเพลิงและมาช่วยในการจับกุมผู้วางเพลิงด้วย

หลังจากรับแจ้ง ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด 20 ได้รีบรุดออกมาจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการเข้าจับกุม และ พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก. สภ.หนองหาน นายทรงวุฒิ ศรีสุนาครัว ปลัดอำเภอหนองหาน ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ถึงที่เกิดเหตุ พบไฟกำลังลุกไหม้บ้าน มีเจ้าหน้าที่และรถดับเพลิง จาก องค์การบริหารส่วนตำบลหนองสระปลากำลังช่วยกันดับเพลิง จากนั้น พบผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง3 หมู่ บ้าน และชาวบ้าน ได้ช่วยกันพูดคุย กับนายธงชัย จำปาศักดิ์ หรือ จ่อย อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 115 หมู่ 1 บ้านดงบังหนองเขื่อน ต.หนองสระปลา อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ผู้ก่อเหตุ ในครั้งนี้ และเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน เพื่อให้คลายความเครียดลง พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจึงพูดคุยกับธงชัย หรือ นายจ่อย และ ได้ควบคุม นายจ่อยขึ้นท้ายรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบถาม นายธงชัย หรือ จ่อย ผู้ก่อเหตุ ได้เล่าว่า เมื่อก่อนตนทำงานเป็นช่างเชื่อม สามารถทำบ้านเองได้ ผมเป็นคนเผาบ้านเอง สาเหตุที่เผา เพราะผมร้อน ผมหงุดหงิด บ้านไม่น่าอยู่ ผมไม่ดีเอง รับสารภาพว่าตัวเองเสพยาบ้ามา 1 เม็ด ผสมกับเหล้าขาว 1 ขวด ผมร้อน ผมเลยเผา ตอนผมเผา แม่ไม่อยู่ แม่ออกไปข้างนอก พอผมเผาแล้วแม่กลับมาแม่โมโหให้ผม แม่เสียใจ บ่อยากอยู่กะเผา ซึ่งมีชาวบ้านหลายคนมาถามไถ่ นายจ่อยที่นั่งอยู่ท้ายรถ ทำใหนายจ่อย เริ่มหงุดหงิด ร้องไห้ ผมเป็นบ้า เอาผมหนีจากหม่องนี้แหน่

ด้านนางมาลา ปัดถา อายุ 63 ปี แม่ของนายจ่อย ผู้ก่อเหตุเล่าว่า เมื่อช่วงเช้า ตนได้บอกลูกชายว่า ขอให้ช่วยทำเพิงชั้นสำหรับทำครัว ให้แม่ด้วย เพราะเวลาใช้ไฟทำกับข้าว ควันไฟมันเข้ามาในบ้าน ในเวลาต่อมา ลูกชายได้ไปทุบฝาผนังบ้านตรงบริเวณหลังบ้าน และได้เปิดเพลงบลูทูธ โดยใช้โทรศัพท์ของแม่เปิดฟังเพลง ทำงานไปด้วย จนกระทั่งแม่นึกได้ว่า สามีที่ทำงานต่างประเทศจะโทรศัพท์เข้ามา ช่วง 16.00 น. แม่จึง มาบอกเขาว่า แม่จะเอาโทรศัพท์ไปโทรหาพ่อซึ่งเป็นเหตุให้เขาโกรธ เอามีดฟันตู้ลำโพง แม่เลยเอาเสียมขนาดเล็ก มาตีเขา 1 ครั้ง ในขณะที่เขากำลังเปิดตู้ ซึ่งเขาโกรธมาก ร้องเสียงดังโวยวาย หลังจากนั้น แม่เลยรีบเดินหนี ออกจากบ้าน ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ว่าลูกชายเสียงดังเอะอะโวยวาย และพอหันกลับมาบ้านอีกครั้ง มีควันไฟพวยพุ่งลอยขึ้นบนท้องฟ้า ขึ้นมาแล้วผู้ใหญ่บ้าน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุ เพื่อมาช่วยเหลือ

ยายทองใส หลักกอ อายุ 72 ปี ราษฎรบ้านดงบังหนองเขื่อน และเป็นเครือญาติกัน เล่าว่า นายจ่อยกับยายได้ไปมา หาสู่กันกันอยู่ ลูกหลานสนิทสนมรักใครตาจ่อยมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ปกติจะอยู่ด้วยกันกับแม่แค่ 2 คน พ่อของจ่อยพ่อมีเมียใหม่ตั้งแต่จ่อยยังเล็ก ต่อมา จ่อยมีพ่อคนใหม่มาเลี้ยงดู ซึ่งพ่อเลี้ยงรับจ่อยเหมือนลูกแท้ๆ เพราะเขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนนี้พ่อไปทำงานอยู่ที่เกาหลี ยายทองใส กล่าวต่อว่า อดทนเอาเด้อบักหล่าเพิ่นบ่ได้เอาไปฆ่าไปแกง ดอกแม่ คงสิคิดฮอดบักหล่าหลาย ลูกหลานกะคงสิถามหา ซึ่งทำให้นายจ่อยน้ำตาไหลอีกครั้ง ยายทองใสกล่าวว่า นายจ่อย ทะเลาะกับแม่ น้อยใจว่าแม่มาทำร้ายตน ปกติเขาจะเป็นคนอารมณ์ดี ชอบร้องเพลง

ในเวลาต่อมา นางมาลา ซึ่งกำลังวีดีโอคอลกับสามีที่ต่างประเทศ แต่เจ้าหน้าที่ได้มาสอบถามข้อมูล จึงให้บุญน้อม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ถือโทรศัพท์เข้าไปดูสภาพไฟไหม้ในบ้าน ซึ่งไฟไหม้ได้รับความเสียหายหมดทั้งหลัง นางบุญน้อม ได้เห็นกรอบรูปซึ่งเป็นรูปธนบัตรฉบับต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 9 แขวนอยู่ที่ข้างฝาบ้าน ซึ่งไฟไม่ไหม้ มีลามไหม้มาตรงกรอบเล็กน้อย ในขณะที่สายไฟฟ้าต่างๆ หรือ ตู้เตียงถูกไฟไหม้ทั้งหมด แต่ พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9 ไม่ไหม้

ซึ่ง ร.ต.อ.กุณช์พิสิษฐ์ ศรีสงคราม พนักงานสอบสวนเวรประจำวัน ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งข้อหาเจตนาวางเพลิง ค่าเสียหายในเบื้องต้น ประมาณ 1.5 แสนบาท ซึ่งจะได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เรียบเรียง ทีมข่าวสยามนิวส์ จ.อุดรธานี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ