เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 มีนาคม 2567 กำลังตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองนครศรีธรรมราชภายใต้การนำของ พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรณรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สืบทราบว่านายพิทญาหรือนาย บุญญัติศักดิ์ อายุ27ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่านางสา สาวสวยดาวติ๊กตีอกชาวพม่าวัย32ปี โยนทิ้งบ่อร้างในกุฏิด้านหลังตลาดภายในวัดท้าวโคตร ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 3มีนาคมที่ผ่านมา นั้นและล่าสุดนายพิทญาหรือนายได้ถูกศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับแล้วนั้น โดยตำรวจสืบทราบว่านายพิทญาหรือนายได้มาหลบซ่อนตัวอยู่บ้านญาติคนหนึ่งในพื้นที่ ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ อ.ลำทับ จ.กระบี่

กำลังตำรวจจึงนำหมายจับไปจับกุมนายพิทญาหรือนายได้อย่างละม่อมที่บ้านญาติ ก่อนตำรวจคุมตัวนายพิทญาหรือนายขึ้นรถตำรวจสายสืบสภ.เมืองนครศรีธรรมราช เดินทางมายัง ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชทันที เพื่อให้ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชสอบปากคำก่อนโดยเบื้องต้นนายพิทญาหรือนาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าก่อเหตุฆ่านางสา ชาวพม่าจริง เนื่องจากสาเหตุเกิดจากความหึงหวง

คืนเกิดเหตุวันที่ 3 มีนาคม 2567 นายพิทญาหรือนาย ได้นัดแนะนางสา มาพบพูดคุยในห้องพักของนายพิทญาหรือนาย ที่บ้านพักใกล้ที่เกิดเหตุพบศพห่างประมาณ 20 เมตร และทั้งคู่มีปากเสียงในเรื่องความหึงหวง โดยนายพิทญาหรือนายได้หึงหวงนางสา ที่จะไปมีแฟนคนใหม่ ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนที่นายพิทญาหรือนาย ได้ตัดสินใจคว้ามีดปลายแหลมจ้วงแทงลำคอ1แผลพร้อมทั้งใช้มือปิดปากนางสาไว้ไม่ให้ร้อง จนนางสาเสียชีวิต

จากนั้นนายพิทญาหรือนายได้ใช้ผ้าห่มห่อศพและลากศพออกจากห้องพักไปยังกุฏิร้างไปโยนศพทิ้งบ่อน้ำร้างในกุฏิร้างดังกล่าวห่างประมาณ20เมตร แล้วใช้ผ้าจีวรใกล้บริเวณที่เกิดเหตุโยนปิดทับศพนางสา จากนั้นได้กลับไปเคลียร์ทำความสะอาดรอยเลือดในห้องพักนำมีดและผ้าปูที่นอนที่ติดรอยเลือดไปโยนทิ้งถังขยะเทศบาล ก่อนรุ่งเช้าจะนำทองของผู้ตายไปขายแล้วหลบหนีไป ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ และเมื่อข่าวฉาวก็หนีมาบ้านญาติคนหนึ่งใน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชจนถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรณรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เผยว่าอย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การทั้งหมด อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลต่อไปก่อนและจะนำฝากขังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันที่ 14 มีนาคมนี้

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช รายงาน