ญาติหลวงปู่พูนมั่นใจถูกฆาตรกรรมและเผาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้ง เผยปมมีคนมายืมเงินไปกว่า 1 ล้าน

ญาติหลวงปู่พูนมั่นใจถูกฆาตรกรรมและเผาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้ง เผยปมมีคนมายืมเงินไปกว่า 1 ล้าน

จากรณีหลวงปู่พูน ฐิตปุญโญ อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าเกษมสุข หมู่ 8 ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ถูกไฟเผาไหม้เกือบทั้งร่างเหลือเพียงส่วนหัวและส่วนบนบางส่วน อยู่กลางป่าหลังวัด โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 3 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ชาวบ้านส่วนหนึ่งคาดกว่าหลวงปู่ถูกฆาตรกรรมและเผาเพื่อทำลายหลักฐานและอำพรางคดี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาในวันนี้ (4 มี.ค.2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพชรบูรณ์ได้ลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อเก็บหลักฐานจากเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เพื่อนำไปประกอบคดีต่อไป ในขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ฐานุพงศ์ แสงซื้อ ผกก.สภ.หนองไผ่ เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองไผ่ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมทั้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เพชรบูรณ์ เพื่อบูรณาการในการคลี่คลายคดี โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตเองหรือถูกฆาตรกรรม ซึ่งขณะนี้ได้ส่งร่างของหลวงปู่ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เพื่อหาสาสเหตุที่แท้จริงต่อไป

ในขณะที่พระโสภณ วชิรากร เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุต ได้เดินทางมาพร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์และคณะสงฆ์ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อมาดำเนินการเตรียมการจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ โดยในเบื้องต้นได้แต่งตั้งให้พระครูฉันทธรรมารักษ์ เจ้าคณะตำบลหนองไผ่ และตำบลเพชรละคร มารักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นผู้ที่จะมาขับรถพาหลวงปู่ไปบิณฑบาตในวันเกิดเหตุ เปิดเผยว่าตนขี่รถจักรยานยนต์มาเพื่อที่จะขับรถสามล้อพาหลวงปู่ไปบิณฑบาตภายในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงซึ่งตามปกติแล้วหลวงปู่จะมานั่งรออยู่หน้าศาลา แต่ในวันเกิดเหตุไม่เห็น ตนจึงเดินไปเรียกที่หน้าห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ และในขณะนั้นตนได้ยินเสียงเหมือนไฟไหม้อยู่หลังวัดจึงออกไปดูพบว่าไฟกำลังไหม้ป่าหลังวัด ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปแจ้งรถดับเพลิงให้มาช่วยดับ หลังจากไฟดับแล้วก็มาเรียกหลวงปู่อีกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับตนจึงเปิดประตูเข้าไปดูแต่ก็ไม่พบใครอยู่ในห้อง จึงออกเดินตามหาแต่ก็ไม่เจอ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ให้ช่วยประกาศให้ชาวบ้านมาช่วยกันตามหา กระทั่งพบว่ากลายเป็นศพถูกไฟไหม้อยู่กลางป่า ส่วนสาเหตุนั้นตนก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถูกไฟไหม้เองหรือถูกฆาตรกรรม

ด้านนายนายสุวรรณ โม้หนองบัว อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 บ้านเกษมสุข(บ้านท่าเสาเดิม) เปิดเผยว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ได้มาแจ้งให้ตนประกาศว่าไม่รู้ว่าหลวงปู่หายไปไหน ให้ชาวบ้านช่วยกันออกตามหา จนจึงประกาศและรีบพาชาวบ้านไปที่วัดเพื่อค้นหากระทั่งพบว่าเป็นศพถูกไฟไหม้อยู่กลางป่าหลังวัด

ด้านนางสาวดวงพร สวัสดี อายุ 41ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวหลวงปู่เปิดเผยว่าสาเหตุที่หลวงปู่มรณภาพนั้นเป็นการฆาตรกรรมอย่างแน่นอน และเชื่อว่าน่าจะถูกฆาตรกรรมแล้วเผาจากที่อื่นแล้วศพไหม้ไม่หมดจากนั้นก็นำมาทิ้งไว้ตรงที่พบศพเพื่อเป็นการอำพรางว่าถูกไฟป่าไหม้ ซึ่งตามปกติแล้วหากไหม้ตรงจุดเกิดเหตุจะต้องมีกองเศษเถ้าถ่าน มากพอสมควรเพราะหลวงปู่เป็นคนที่มีร่างกายค่อนข้างใหญ่ ถ้าไฟจะไหม้ขนาดนี้ต้องใช้ฟืนหรือถ่านจำนวนมากอย่างแน่นอน และจากกรณีที่มีคนให้สัมภาษณ์ว่าไฟไหม้ป่าหลังวัดแล้วไปเรียกรถดับเพลิงมาดับนั้นตนสังเกตุว่าไม่มีร่องรอยของน้ำที่ใช้ดับไฟเลย หากรถดับเพลิงมาดับน่าจะต้องทิ้งร่องรอยของรถหรือร่องรอยการดับไฟไว้เพราะระยะเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงน้ำไม่น่าจะแห้งไปจนหมด

ด้านนายไพยุทธ มั่นบ่อแก อายุ 77 ปี เป็นไวยาวัจกร วัดข้างเคียง เปิดเผยว่าตนมั่นใจว่าคนร้ายจะต้องนำตัวหลวงปู่ไปฆ่าและเผาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งไว้ในป่าหลังวัด เพราะดูจากสภาพเศษเถ้าถ่านแล้วเป็นร่องรอยการเผาไหม้อันเก่าหลายวันแล้ว จุดที่พบร่างหลวงปู่ก็แทบจะไม่มีกองขี้เถ้าเลย เพราะหากเผาร่างหลวงปู่ตรงนี้จริงก็จะต้องมีกองขี้เถ้าเป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นตนมีความสงสัยบางคนแต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มายืมเงินหลวงพ่อไปเกือบ 1 ล้านบาท

ล่าสุดโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ได้ชันสูตรร่างหลวงปู่เสร็จเรียบร้อย และได้ทำการส่งมอบร่างให้คณะสงฆ์นำร่างของหลวงปู่ กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดท่ามกลางความโศกเศร้าของคณะศิษยานุศิษย์

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.เพชรบูรณ์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ