
รู้เหตุผลแล้ว ทำไมยายวัย 77 ปี เดินเท้าเปล่า ส่งเหลนไปโรงเรียน
จากกรณีผู้ใช้ Tiktok ชื่อ krudang20 ซึ่งเป็นคุณครู ได้โพสต์คลิปสุดน่ารัก ขณะที่คุณยายวัย 77 ปี ที่ยังร่างกายแข็งแรง เดินจูงมือหลานชายมาส่งที่โรงเรียนเป็นประจำทุกวัน แต่มีบางคนโฟกัสไปที่เท้าของคุณยาย เนื่องจากคุณยายไม่สวมรองเท้า เดินเท้าเปล่ามาส่งหลาน หลายคนเลยอยากทราบที่อยู่เพราะอยากส่งรองเท้าไปให้คุณยาย ขณะที่บางคนอยากส่งของและเงินไปช่วยเหลือด้วย เมื่อวันที่ 4 มีนาตคม นางยอดรัก อายุ77ปี ย่าทวดที่เดินตีนเปล่าส่งเหลนไปโรงเรียน อาศัยอยู่ที่ 107/2 ม.12 บ.อ้น ต.หัวช้างอ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า
ตนทราบข่าวแล้วว่าครูแดงเอาคลิปตนที่เดินไปส่งเหลนไปโรงเรียนไปลงในโซเชียล จนกลายเป็นกระแส ตั้งแต่คลิปได้เผยแพร่ออกไปก็มีชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง บอกว่ายายนางดังแล้วนะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไปส่งเหลนไปโรงเรียน ที่โรงเรียนบ้านอ้น ต.หัวช้าง อ.จตุรพักตรพิมานจ.ร้อยเอ็ด เหลนชื่อ ดช.วรวุฒิ ภักดี หรือน้องภพ อายุ7ปี เรียนอยู่ชั้นอนุบาล3 เป็นลูกของหลานชายตน สาเหตุที่ตนไม่ได้สวมใส่รองเท้าในวันนั้น เพราะรองเท้าของตนหายได้3วันแล้ว เพราะตนไปงานที่บ้านน้ำใส ต.น้ำใส อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด แล้วรองเท้าได้หายที่งาน ตนยังไม่มีเงินซื้อรองเท้าคู่ใหม่ จึงได้เดินตีนเปล่า ตามที่เห็นในคลิป ปัจจุบันยายนางอาศัยอยู่กับลูกหลานเหลนรวมทั้งหมด5คน ฐานะทางครอบครัวยากจน ที่ดินทำกินก็ไม่มี มีแค่ที่ดินประมาณ1งาน สำหรับสร้างบ้านที่อยู่อาศัย ลักษณะบ้านปูนชั้นเดียว เพิงเก่าๆ อาศัยกินข้าวก้นบาตรพระ
ยายนางกล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมากตื้นตันใจมากที่ครูแดงนำรองเท้าคู่ใหม่มาให้ นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เพราะตั้งแต่เกิดมาอายุได้77ปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เพราะตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยได้รับของใหม่จากใครเลย จะเคยได้ก็แค่ของมือสอง ทางด้านคุณครู พัชรา นางสะอาด ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านอ้นวิทยาประชาสรรค์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาร้อยเอ็ดเขต 1ก่อนที่เรื่องนี้จะตกเป็นข่าว ปกติตนเองถ่ายคลิป เพื่อเก็บกิจกรรมของโรงเรียนอยู่แล้ว เห็นยายกับหลาน หรือเหลน เดินมาด้วยกันเห็นว่าน่ารักดี ก็เลยถ่ายคลิป แค่โซเชียลและติดต่อ
โดยที่ครั้งแรกยังไม่เห็นว่า ยายไม่ได้ใส่รองเท้า แต่เมื่อแชร์ทางโซเชียล ก็มีคนทักว่า ยายไม่มีรองเท้า ใส่ และเข้าไปดูก็ พบเป็นตามนั้นจริงๆ ก็เกิดความสะท้อนใจ และคิดถึง สมัยที่ตนเองเป็นเด็กๆ ในอดีต ก็อยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีสภาพ พี่บางครั้งบางคราวก็เดือนความ แร้นแค้น ขาดแคลนเช่นเดียวกัน เลยตัดสินใจ ไปซื้อรองเท้า แตะ และเสื้อผ้าจากร้านค้า มามอบให้ยาย ได้ใส่ หลังจากสอบถามทราบว่า เคยมีรองเท้าแต่รองเท้าหาย ตั้งใจว่าพอได้เงิน โครงการ ผู้สูงอายุประจำเดือน ก็จะมาซื้อรองเท้าใส่ใหม่
แต่ปรากฏว่า เงินที่ได้ ต้องใช้หลายอย่าง และไม่พอใช้สอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหลน ซึ่งต้องเข้าโรงเรียน ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของตนเอง หลังจากที่ แม่เสียชีวิต และพ่อก็แยกทาง ไปมีแฟนใหม่ ทำให้ตนเอง ต้องเลี้ยงดู หลานเหลนหลายคน จึงจำเป็นต้อง เก็บเงิน ไว้คอยดูแล ลูกหลาน จึงไม่ซื้อรองเท้าใส่ ก็เลยเกิดความเห็นใจ ควักเงินของตนเอง ซื้อมาให้ยาย ขึ้นตอนที่ไปซื้อ ก็ยังมีร้านค้าที่เห็นใจ มอบเสื้อ เพิ่มให้ ตนเองนำมามอบให้กับยายด้วย ซึ่งความจริงเรื่องนี้ตนเองไม่ตั้งใจที่จะโพสต์สร้างกระแส ให้เกิดเรื่องราว ดราม่า แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีคนเห็น หลายคนแสดงความจำนงที่จะบริจาคเงิน ก็มาให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับขอเลขบัญชี ที่จะโอนเงินมาให้ แต่ตนเองเห็นว่า ยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องขอรับบริจาค และตนเองก็พอจะช่วยเหลือได้เท่าที่ ทำได้ จึงไม่ได้เปิดบัญชี เพราะไม่มีเจตนา ที่จะให้คนมาบริจาคเงินช่วยเหลือ แต่อย่างใดทั้งสิ้น แม้กระนั้นก็ยังมีหลายคน ที่เห็น คนโพสต์ ซึ่งความจริงไม่มีเจตนาอย่างอื่น แค่อยากให้เห็นความน่ารักของยายหลาน ที่พากันเดินมาโรงเรียน อันเป็นภาพที่ตนเองเห็น จนเจนตา
เพื่อเผยแพร่ความน่ารักออกไปสู่สาธารณะ ซึ่งก็ไม่คิดว่า จะกลายเป็นกระแส ในโซเชียล จน ได้รับความสน ใจถึงขนาดนี้ แต่ตนเองเห็นว่า ยังพอที่จะเจียดจ่าย เงินส่วนหนึ่ง มาช่วยเหลือยายได้ ก็ช่วยเหลือ ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่ใช่ฐานะดีนัก เป็นแค่ครูคนนึง ที่สามีเป็น นายดาบตำรวจ ซึ่งลูกๆก็ยังเรียนอยู่ แต่ก็ไม่ได้คิดมาก กับการที่จะ นำเงินบางส่วน มาช่วยเหลือ ซึ่งก็อยากจะขอบคุณ ความปรารถนาดีของคนหลายๆคนที่อยากจะช่วยเหลือ ครอบครัวของยายหลานคู่นี้ และเรื่องนี้ตอนนี้ก็มีการปรึกษากับ แกนนำชุมชนและ ผู้ใหญ่บ้าน เตรียมแผนสำรองไว้แล้ว
คือหากมีคนมาบริจาคเงินช่วยเหลือ หรือมอบสิ่งของช่วย ก็จะให้ทางแกนนำชุมชนและผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนดำเนินการ โดยตนเองจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสบายใจ ในการที่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว กับสิ่งของและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาค แต่ให้ ฝ่ายแกนนำชุมชนผู้ใหญ่บ้าน เป็นการดำเนินการช่วยเหลือลูกบ้านเอง โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่อย่างใด