บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมีนาคม 2567 มีกลุ่มได้เงินเพิ่ม
ในเดือนมีนาคม 2567 ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐยังคงได้รับเงินช่วยเหลือเช่นเดิม จะได้รับเงินส่วนไหน ในวันไหนบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ จำนวน 100 บาท/เดือน ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว แต่ในปีนี้จะไม่โอนให้ทุกเดือน โดยเปลี่ยนเป็นโอนเงินให้ทุกไตรมาสแทน ในอัตราครั้งละ 100-300 บาท
1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค 300 บาท/เดือน
สำหรับซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยเงิน 300 บาทนี้ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่และยืนยันตัวตนผ่านแล้ว
2. วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาท/เดือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้) สามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะดังต่อไปนี้ ในวงเงินรวม 750 บาท/เดือน
รถเมล์ ขสมก.
รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ
รถไฟ
รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว/สีทอง/สีเหลือง/สีชมพู
รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน/สีม่วง
รถไฟ ARL ได้แก่ Airport Rail Link/สายสีแดง
3. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาท/3 เดือน
ใช้เป็นส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2567
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)
วันที่ 11-13 มีนาคม 2567
เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย 100-300 บาท
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำปีงบประมาณ 2567 จะได้รับเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 9 เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2567)
ทั้งนี้ ทางกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินให้ทุก 3 เดือน เริ่มงวดแรกจ่ายในวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 จะได้รับเงิน 100-300 บาท โดยโอนผ่านบัญชีเงินฝากหรือบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน ตามเงื่อนไขดังนี้
ผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 1 มกราคม 2507 ได้รับเงิน 300 บาท
ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม 2507 ได้รับเงิน 200 บาท
ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 1-29 กุมภาพันธ์ 2507 ได้รับเงิน 100 บาท
สำหรับผู้ที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2507 เป็นต้นไป จะยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือในงวดนี้ ต้องรอในงวดถัดไปหลังจากครบวันเกิด 60 ปีบริบูรณ์
รอบการโอนเงินตามวันเกิด
วันที่ 11 มีนาคม 2567 : โอนเงิน 300 บาท ให้ผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 1 มกราคม 2495
วันที่ 12 มีนาคม 2567 : โอนเงิน 300 บาท ให้ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2495 - 31 ธันวาคม 2501
วันที่ 13 มีนาคม 2567 : โอนเงิน 100-300 บาท ให้ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2502 - 29 กุมภาพันธ์ 2507
วันที่ 20 มีนาคม 2567
เงินช่วยเหลือผู้พิการ 200 บาท
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประจำตัวผู้พิการ และได้รับสิทธิสวัสดิการรอบใหม่ โดยจะแบ่งจ่ายดังนี้
จำนวน 800 บาท โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ทุกวันที่ 10 ของเดือน
เงินเพิ่มเติมอีก 200 บาท โอนให้ทุกวันที่ 20 ของเดือน เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก (หากวันที่ 20 ตรงกับวันหยุดราชการจะโอนเงินให้ก่อน 1 วัน)
ค่าไฟฟรีและค่าน้ำฟรี
ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาท/เดือน/ครัวเรือน
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ค่าไฟฟรี
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิจากการไฟฟ้าแล้ว และใช้ไฟฟ้าตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าในวงเงินไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน
วิธีลงทะเบียน
ผู้ใช้ไฟฟ้าใน กทม., สมุทรปราการ, นนทบุรี ลงทะเบียนที่การไฟฟ้านครหลวง
ผู้ใช้ไฟฟ้าในต่างจังหวัด ลงทะเบียนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/เดือน/ครัวเรือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิจากการประปาแล้ว และใช้ประปาตามเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
หากใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท โดยส่วนเกินต้องชำระเอง
หากใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าประปาเองทั้งหมด
วิธีลงทะเบียน
ผู้ใช้ประปาใน กทม., สมุทรปราการ, นนทบุรี ลงทะเบียนที่การประปานครหลวง
ผู้ใช้ประปาในต่างจังหวัด ลงทะเบียนที่การประปาส่วนภูมิภาค
หมายเหตุ :
ใช้สิทธิได้เพียง 1 ครัวเรือน ต่อ 1 สิทธิ ต่อ 1 รหัสประจำบ้าน
ลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าและค่าประปาได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน