จับขบวนการแชร์ลูกโซ่กาแฟ cashback หลอกเหยื่อลงทุนเสียหายกว่า 3 พันล้าน ผู้เสียหายเครียดหนักจนเสียชีวิตถึง 3 ราย

จับขบวนการแชร์ลูกโซ่กาแฟ cashback หลอกเหยื่อลงทุนเสียหายกว่า 3 พันล้าน ผู้เสียหายเครียดหนักจนเสียชีวิตถึง 3 ราย

วันที่ 25 ก.พ. 67 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุม นายคชภัคฯ อายุ 39 ปี โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน สถานที่จับกุม ลานจอดรถคอนโดแห่งหนึ่ง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

พฤติการณ์ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2561 มีกลุ่มขบวนการชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟ CASHBACK โดยให้ผู้สมัครหาสมาชิกเพิ่ม โดยมีเงินส่วนแบ่งให้ จากจำนวนสมาชิกที่เข้ามาสมัครในสายงาน เป็นวิธีการที่ตำรวจพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุใช้หลอกลวงผู้เสียหาย ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยการหลอกลวง ในครั้งนี้พบว่า ขบวนการนี้ มีจัดงานเปิดตัว ซึ่งงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ได้เชิญสื่อมวลชน และพบมีการอ้างชื่อหน่วยงานราชการ เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้สนับสนุน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ และร่วมลงทุนจำนวนมากสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ขั้นต่ำรายละ 1,000 บาท โดยผู้สมัคร จะได้รับรหัสสมาชิก และกาแฟฟรี 3 กล่อง จากนั้นสมาชิกสามารถนำกาแฟไปขายต่อ ในราคาที่บริษัทกำหนด จะได้กำไรเพิ่ม 1,000 บาท หากสมาชิกคนใด ต้องการได้กำไรเพิ่ม สามารถลงทุนด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ไปขาย หรือหากไม่ต้องการขายผลิตภัณฑ์ ให้สมาชิกหาคนมาร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินส่วนแบ่งให้ 10 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนเงินของสมาชิกใหม่ที่หามาได้ ทุก 5 วัน ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อสมัครกว่า 85,000 บัญชี จากนั้นผ่านไป 1 เดือน บริษัทกลับแจ้งในเว็บไซต์ว่าไม่สามารถจ่ายเงินให้กับสมาชิกได้ พร้อมขอคืนเงินทุนให้และตั้งกติกาใหม่โดยขอเงินทุนเป็น 20% แบ่งจ่าย 4 รอบ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครได้รับเงิน และเว็บไซต์ดังกล่าวก็ถูกปิด ซ้ำยังมีการข่มขู่สมาชิกว่าหากแจ้งความจะไม่จ่ายเงินให้ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 3,000 ล้านบาท ทำให้มีผู้เสียหายเครียดหนักจนเสียชีวิตถึง 3 ราย

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการมีการแบ่งหน้าที่กันทำหลายหน้าที่ เช่น กลุ่มผู้สั่งการ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มพนักงานทำหน้าที่ดูแลระบบ และบัญชี ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์โดยทำหน้าที่กรอกข้อมูลของลูกค้าที่มาซื้อกาแฟที่บริษัท ซึ่งมีกระแสเงินสดในแต่ละวันจำนวนหลายล้านบาท

ผู้ต้องหารายนี้หลบหนีเป็นเวลากว่า 5 ปี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามจับกุมทราบว่าคนร้ายไม่มีที่อยู่เป็นหลังแหล่ง จะเปลี่ยนที่พักอาศัยไปเรื่อยๆ และมีหลบหนีไปอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนจังหวัดจันทบุรี จึงเฝ้าติดตามเรื่อยมา จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางมาที่จังหวัดสมุทรปราการ จึงจัดกำลังไปเฝ้าติดตามตามจุดต่างๆ ที่คิดว่าผู้ต้องหาน่าจะไป จนกระทั่งพบตัวและจับกุมตัวได้ในที่สุด

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ