ขอจองเวรทุก ๆ ชาติ! หญิงเผาตัวเองพร้อมหลานสาวพิการ เหตุเครียดทวงเงินน้อง ยืมไปไม่ได้คืน
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาสัก ได้รับแจ้งเหตุมีคนจุดไฟเผาตัวเองเสียชีวิต จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ ม.6 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกอยู่กลางสวนปาล์มน้ำมัน ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 เข้าไปในถนนหมู่บ้านสายแก่งกระทั่ง-นาสัก กว่า 10 กม. บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน ริมชายคา
เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ นางอุทัย ชนะ อายุ 66 ปี ชาว ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร นอนหงายอยู่ระหว่างเก้าอี้พับแบบปิกนิค กับโซฟาแบบพนักพิงปรับลงเป็นที่นอนได้ ซึ่งไหม้หมด บนโซฟาพบร่างของ ด.ญ.กนกนภา ชนะ อายุ 14 ปี ชาว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สภาพนอนคว่ำหน้า ซึ่งทั้งสองศพอยู่ในสภาพถูกไฟเผาไหม้เกรียมเป็นตอตะโก
ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบยาฆ่าแมลง แบบแกลลอน 5 ลิตร จำนวน 1 แกลลอน ภายในแกลลอน มีน้ำยาหลงเหลือเพียงเล็กน้อย และยังพบขวดน้ำยาแลกเกอร์ สำหรับทาไม้ ตกอยู่ใกล้ศพ จำนวน 2 ขวด เป็นขวดเปล่า 1 ขวด และอีก 1 ขวด ภายในขวดมีน้ำขุ่นขาว ทราบภายหลัง คือ ยาฆ่าแมลงซึ่งผสมกับน้ำไว้เต็มขวด
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกระดาษ ขนาด เอ4 จำนวน 2 แผ่น ปลิวตกอยู่บนพื้นปูนบริเวณหน้าบ้าน โดยกระดาษทั้งสองแผ่น ได้เขียนข้อความขนาดใหญ่ ไว้ว่า ขอโทษ อสม.ทุกคนที่จบชีวิตด้วยทำ (ลาย) ร้ายตัวเอง หนีทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากน้อง และกระดาษอีกแผ่น เขียนข้อความว่า เรามาใช้เวรชาตินี้ (หนี้) กระนุ้ย (เป็นภาษาที่เรียกน้อง ที่นี้หมายถึงน้องสาวผู้เสียชีวิต) -ึงเอาเงิน-ูไป 60,000 บาท -ูขอจองเวร-ึงทุก ๆ ชาติ เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกและเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม น.ส.อ้อยทิพย์ ชนะ อายุ 39 ปี ทราบว่า นางอุทัย ผู้เสียชีวิตคือแม่ตนเองและอีกคนก็เป็นหลานสาว ซึ่งพิการด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง มาตั้งแต่เด็ก โดยหลานสาว นั้นเป็นลูกของพี่ชาย แต่แม่ได้พามาเลี้ยง ซึ่งหลังจากที่พ่อเสียชีวิตลง แม่กับหลานก็อาศัยบ้านหลังดังกล่าวกันเพียง 2 คน ส่วนตนเองนั้น จะอยู่ก่อนถึงบ้านแม่ 100 เมตร และจะเวียนไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาแม่จะไปไหนมาไหน ตนก็จะเป็นคนขับรถไปให้
ก่อนเหตุวันนี้ ตนเองพาแม่ไปประชุมที่ศาลาหมู่บ้าน เนื่องจากแม่เป็น อสม.เมื่อส่งเสร็จตนเองก็กลับมาบ้าน จนกระทั่งเที่ยง ขณะตนเองกำลังจะไปรับกลับ ก็ทราบว่า แม่ได้อาศัยรถ เพื่อนบ้านมาแล้ว ตนเองก็ไม่สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งพอพลบค่ำประมาณทุ่มเศษ ตนเองเห็นบริเวณบ้านแม่ มีเปลวและแสงไฟลุกโชนสว่าง พร้อมมีเสียงคล้ายระเบิดแต่ดังไม่มากนัก จึงรีบวิ่งไปดูก็พบภาพไฟกำลังลุกไหม้แม่และหลานสาว จึงได้ร้องตะโกนให้คนช่วยแต่ก็สายไปแล้ว แม่กับหลานได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิต จึงได้โทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ส่วนกระดาษที่แม่เขียนไว้ นั้น คาดแม่เครียดมาก เพราะเงินที่น้องสาวแม่ยืมไป นานกว่า 2 ปีแล้วยังไม่ได้กลับคืนมา แม่เคยทวง ก็ทะเลาะกัน หนำซ้ำ น้องสาวแม่ ซึ่งมีบ้านอยู่ด้านหน้าสุด ยังเอาไม้และหลักมาฝั่งปิดกั้นทาง ไม่ให้แม้ใช้ทางเข้าบ้าน ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้มาเจรจาไกล่เกลี่ย จนต้องยอมเปิดให้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่จะทวงถามเงิน เพราะต้องใช้จ่ายกับการซื้อของใช้สำหรับหลานสาวที่พิการ น้องสาวก็เย้ย อยากได้ก็ไปฟ้องเอา คาดว่าแม่คงเครียดมาก จึงได้ตัดสินใจจุดไฟเผาตนเองและหลานสาวที่พิการให้ตายตามกันไปเพราะไม่อยากให้เป็นภาระใคร ซึ่งเรื่องนี้แม่เคยพูดและจะทำมาแล้ว จนที่สุดก็มาถึงจนได้
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้นำศพทั้งสองไปที่ รพ.สวี เพื่อให้ทางแพทย์ ได้ชันสูตร อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการตรวจที่ชัดเจนแน่นอน เพื่อสรุปสำนวนคดีต่อไป ถึงแม้ทางญาติจะไม่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้ก็ตาม และจะมอบศพให้ทางญาติเพื่อนำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป