พ่อเหลืออด ลูกเสพยาจะทำร้าย ใช้ปืนยิงสวนเสียชีวิตคาที่
เวลา 16.20 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ. อำนาจ สุวรรณชาติ พนักงานสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สภ.บ้านติ้ว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 10 ต.ห้วยไร่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์เวรโรงพยาบาลหล่มสัก เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเพชรบูรณ์ และอาสากู้ภัยมูลนิธิกกไทรหล่มสัก รุดไปตรวจสอบที่
เกิดเหตุเป็นชั้นเดียวยกสูงพบศพชายไม่สวมเสื้อ ใส่แต่กางเกงบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว นอนหงานเสียชีวิตอยู่ใต้ถุนบ้าน โดยที่ข้าง ๆ ตัวมีกรรไกรปลายแหลมตกอยู่ข้างตัว ทราบชื่อต่อมาคือนายกิตติกร ป้องท้าว อายุ 31 ปี จากการชันสูตรพลิกศพพบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่บริเวณไหล่ซ้าย ต้นแขนซ้าย ต้นคอซ้าย ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายอรุณศักดิ์ ป้องท้าว อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต ถือปืนยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนนายอรุณศักดิ์ให้การว่าผู้ตายติดยาบ้าอย่างหนักมาหลายปีแล้วตนเคยนำไปบำบัดที่จังหวัดเชียงรายมาแล้ว 4- 5 ครั้งแต่ก็กลับมาเสพอีก และทุกครั้งจะอาละวาดทำร้ายคนในบ้านจนบุตรสาวและบุตรเขยต้อง หนีออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น ส่วนภรรยาของตนเองซึ่งเป็นแม่ของผู้ตายก็ถูกทุบตีเป็นประจำและถูกขู่ฆ่าโดยนำมีดมาข่มขู่เป็นประจำ ล่าสุดได้นำตัวไปบำบัดที่จังหวัดเชียงรายและกลับมาบ้านได้ประมาณ 5 วัน โดยอ้างว่าหายแล้วแต่ก็ยังมีพฤติกรรมกลับไปคบกับเพื่อนและเสพยาบ้า ในช่วงบ่ายของวันนี้บุตรชายขโมยปุ๋ยไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ เมื่อตนกลับมาบ้านพบว่าปุ๋ยได้หายไปตนจึงสอบถามลูกชาย แต่ลูกชายก็มีอาการโมโห ใช้ขวดขว้างแต่ตนหลบทัน ลูกชายก็ยังไม่เลิกถือกรรไกรปลายแหลมวิ่งเข้ามาไล่แทงตนเองวิ่งหนีและคว้าปืนยิงสวนออกไปหลายนัดจนลูกชายล้มลงหงายหลังตนจึงรีบเข้าไปดูพบว่าได้เสียชีวิตแล้วจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและรอมอบตัวเพื่อรับโทษตามกฎหมายต่อไป
พนักงานสอบสวนจึงส่งศพผู้ตายไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลหล่มสักเพื่อดำเนินการตามกฏหมาย และควบคุมตัวนายอรุณศักดิ์ไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไปด้านอาสากู้ภัยรายหนึ่งเปิดเผยว่าผู้ตายมีพฤติกรรม เกกมะเหรกเกเรชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นประจำ อีกทั้งขับรถด้วยความเร็วสูงในตลาดหล่มสักและเบิ้ลเครื่องเสียงดังหน้าโรงพยาบาลและแฟลตตำรวจเป็นประจำจนชาวบ้านเอือมระอา
สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบสภ.บ้านติ้ว เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ต้องออกไประงับเหตุคนเสพยาบ้าและอาละวาดทุกวัน บางวันมีมากถึง 3 ราย จนชาวบ้านบ่นด่าตำรวจว่าแจ้งตำรวจแล้วตำรวจไม่ทำอะไรเลย เพราะเห็นว่าจับแล้วก็ปล่อย จริงๆแล้วตำรวจไม่ได้ปล่อยแต่กฎหมายระบุว่าให้ครอบครองไว้เสพได้ 5 เม็ดไม่ผิดกฎหมาย ทำให้ทุกวันนี้ยาบ้าเกลื่อนเมือง มีเหตุคุ้มคลั่งทำร้ายคนในครอบครัวทุกวัน ซึ่งทำงานยากลำบากมาก คิดว่าทุกวันนี้เป็นชุดปราบคนบ้าไปแล้ว ต้องพกกระบองและอุปกรณ์ปราบคนบ้าที่มีมากขึ้นทุกวันๆ
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดเพชรบูรณ์