จุลพันธ์ ประชุม คณะกรรมการดิจิทัล 15 ก.พ. ยืนยันแจก ไม่ลดเงื่อนไข ไม่ได้ให้เฉพาะกลุ่มต่อไปนี้
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับเอกสารรายงานความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องโครงการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างเป็นทางการ แต่ได้รับทราบในรายละเอียดแล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ แม้จะเป็นการให้ความเห็น ตามหน้าที่ตามกฎหมาย มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กฎหมายกำหนดให้แค่การให้ความเห็น เพื่อป้องกันการทุจริต
แต่ความเห็นดังกล่าวเป็นเหมือนการท้วงติงที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. หากเอกสารฉบับทางการมาถึงรัฐบาล ก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ รมช.คลัง กล่าวอีกว่า บางประเด็นตอบได้ง่ายอาจเป็นเพราะความไม่เข้าใจ หรือได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนของ ป.ป.ช.ทั้งแหล่งที่มาของเงินเปลี่ยนจากงบประมาณเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน การใช้ระบบบล็อกเชนในการดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้ โดยในการประชุมจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริต อนุกรรมการ รับฟังความคิดเห็นในสังคมและรับฟังความเห็นเพิ่มเติม และคณะอนุกรรมการดูแลด้านการเงิน และระบบต่างๆ
ดิจิทัลวอลเล็ต ต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายจุลพันธ์ ยืนยันกลุ่มเป้าหมายของโครงการจ่ายเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ซึ่งความเห็นของป.ป.ช. ที่เสนอให้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนนััน ต้องชี้แจงว่า ปัจจุบันได้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว และกลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถแก้ไขปัญหา และกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นเพียงแค่การหยอดน้ำข้าวต้ม แต่จำเป็นต้องมีกลไก ในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งนี้ออกมา ซึ่งแนวคิดในการทำนโยบาย เป็นของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชน ในขณะที่บางหน่วยงานไม่จำเป็นต้องตอบรับต่อเสียงสะท้อนของประชาชน
หากเศรษฐกิจดำดิ่งยิ่งกว่าในปัจจุบัน คนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล จึงต้องแสดงความชัดเจน รัฐบาลมีหน้าที่ในการเดินหน้านโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และบรรจุเป็นนโยบายแห่งรัฐ โดยเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยังไม่ขอยืนยันว่าจะเริ่มแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตได้เมื่อไหร่ พอกันไปกับเกณฑ์แล้วทำไม่ได้จะไม่เป็นผลดี แต่ขอยืนยันว่าเดินหน้าโครงการแน่นอน