เปิด 8 รถมือสอง กินน้ำมันดุ คิดให้ดีก่อนซื้อมาใช้
เรียกได้ว่าการซื้อรถมืองสองอาจจะไม่ได้แปลว่าเราจะประหยัดได้เสมอไป เพราะรถบางรุ่นพอซื้อมาใช้ กลับพบว่า มีการเปลืองน้ำมันมากที่สุด เรียกว่า เติมปุ๊บหมดปั๊ปเลยทีเดียว โดยมีรถอยู่ 8 รุ่นด้วยกันที่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าใคร
Toyota Fortuner โฉมแรก
ในโฉมแรกของ Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ถือเป็นโฉมที่ขายดีมาก ๆ ด้วยความใหญ่โต และความทนทานของรถ ประกอบกับราคาแข็งลงยาก ราคามือสอง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ตอนนี้ต่ำสุดอยู่ที่ 350,000 บาท และสูงสุดถึง 520,000 บาทแล้วแต่สภาพ แต่ก็มีตัวเลือกเครื่องยนต์เยอะเช่นกัน
ในโฉมแรกมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ 3.0 ลิตร เทอร์โบดีเซล และ 2.7 ลิตร เบนซิน มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ แต่รุ่นที่กินน้ำมันที่สุดจะเป็นเครื่อง 2.7 ลิตรขับ 4
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 8 กม./ลิตร
Mitsubishi Strada G-Wagon
PPV ร่วมสมัย Mitsubishi Starda G-Wagon คือรถ SUV ขนาดกลาง ที่ดัดแปลงมาจากกระบะ Mitsubishi L200 ให้มีพื้นที่ด้านหลังกว้างขวางขึ้น สามารถนั่งแถวสามได้สบาย แต่ควรระวังอาการเกียร์กระตุก
สำหรับเครื่องยนต์เป็นเครื่องดีเซล 2.8 ลิตรรหัส 4M40 4 สูบไร้เทอร์โบ 79 แรงม้า แรงบิด 198 นิวตันเมตรขับสี่ มีข้อเสียที่อัตราเร่งต่ำ ต้องเหยียบคันเร่งมากทำให้เปลืองน้ำมัน
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 7-8 กม./ลิตร
Ford Escape 3.0 V6
Ford Escape (ฟอร์ด เอสเคป) รถอเนกประสงค์ SUV ขนาดกลาง ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชิ้นเดียวรุ่นแรกที่ทำตลาดในไทย ก่อนจะหายไป เหลือไว้เพียงรถอเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) ในเวลาต่อมา
ใช้เครื่อง 3.0 V6 Duratec 4 วาล์วต่อสูบ Quad-Cam แรงม้าสูงสุดที่ 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 265 นิวตันเมตร มีปัญหาที่เกียร์ออโต้พังง่าย ไม่ทนทาน
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 6-7 กม./ลิตร
Mitsubishi Space Wagon
MPV ขนาดกลาง ที่เหมาะกับคนมีครอบครัว Mitsubishi Space Wagon ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ Mitsubishi Outlander (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์) ที่เป็น MPV 5 ที่นั่งในขณะนั้นมาขยายให้ใหญ่ขึ้น ขายอยู่ในช่วงปี 2003-2011 มีทั้งประกอบไทยและนำเข้า ขายเพียงโฉมเดียวแล้วก็หายไปจากตลาด
ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G69 ขนาด 2.4 ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิด 219 นิวตันเมตร ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่โต ทำให้มีการกินน้ำมันสูง
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 6-7 กม./ลิตร
Honda CR-V เจนแรก
SUV เป็นอีกเซกเมนต์หนึ่งที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ด้วยความอเนกประสงค์ ซื้อคันเดียวใช้งานได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง คุ้มค่ากว่ารถเก๋ง ฮอนด้าก็ส่ง Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) เปิดตัวในไทยมาตั้งแต่ยุค 90 จัดเต็มคุณสมบัติและสเปคตรงใจชาวไทย จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความน่าใช้อยู่
ในรุ่น Minorchange 2547 ได้เพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร รหัส K24A แบบ 4 สูบ i-VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบ/นาที มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 6-7 กม./ลิตร
Nissan Teana J32
ถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่ประสบความสำเร็จของ Nissan ถ้าอยากได้ความหรูหรา สมราคา Nissan Teana (นิสสัน เทียน่า) ถือเป็นรถที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับ J32 จะเป็นรุ่น Teana 250XV V6 Navi Sunroof มีการจูนช่วงล่างได้ดีเนื่องจากมีการขายในยุโรปเช่นกัน
เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร VQ25DE V6 182 แรงม้า เกียร์ 6 สปีด ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังมัลติลิงก์ แต่มีข้อเสียข้อใหญ่คือ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่สูงมากจนหลายคนบ่น
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 5-6 กม./ลิตร
Honda Accord G7 ปลาวาฬ
มี Teana แล้ว จะไม่มี Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด) ก็ไม่ได้ในรุ่นที่ 7 หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าปลาวาฬ โดยในโฉมนี้จะอยู่ในช่วงปี 2002-2008 แถมยังได้รับรางวัล Car of The Year Japan ปี 2002-2003 ด้วย ยังมีอะไหล่และอู่ซ่อมเยอะ
เครื่องยนต์ที่กินที่สุดจะเป็นเครื่อง 3.0 ลิตร V6 220 แรงม้าในโฉมแรก เรียกได้ว่าแรงจริงแต่ก็ต้องแลกด้วยการสิ้นเปลืองน้ำมันที่โหดเช่นกัน
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 5-6 กม./ลิตร
Nissan Cefiro A33
อีกความหรูหราในยุค 90 ที่ขายดีเป็นอย่างมากในประเทศไทย Nissan Cefiro เปิดตัวมาด้วยตัวถัง A31 ที่ค่อนข้างมีความสปอร์ต ตามมาด้วย A32 และตัวสุดท้าย A33 ที่ปรับเปลี่ยนให้มาเป็นความหรูหรามากขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนไปขาย Teana
เครื่องยนต์เป็นเบนซิน 3.0 ลิตร V6 220 แรงม้า ใช้โซ่ขับเพลาราวลิ้นเพื่อความทนทาน ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตัรทคอยล์สปริง หลังมัลติลิงก์
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 5-6 กม./ลิตร เติมได้แค่ 95 เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม autofun