จับกุมเครือข่าย หลอกทำภารกิจเพิ่มยอดขายสินค้า หาเหยื่อผ่านทาง Facebook เสียหายกว่า 1.7 ล้าน
วันที่ 20 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงานว่า สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2565 ผู้เสียหายได้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook เพื่อหางานเสริมทำออนไลน์ ต่อมาได้พบโพสต์ประกาศชักชวนทำงานที่น่าสนใจ จึงได้ติดต่อพูดคุยกับคนร้ายผ่านช่องทาง Messenger ของ Facebook โดยคนร้ายแจ้งว่าเป็นการทำภารกิจเพิ่มยอดขายสินค้า ซึ่งอ้างว่าเป็นงานในนามของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง รายได้ผลตอบแทนดี ผู้เสียหายมีความสนใจคนร้ายจึงให้ติดต่อพูดคุยรายละเอียดงานผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE โดยคนร้ายได้ส่งลิงก์เว็บไซต์ปลอมมาให้ผู้เสียหายใช้ทำภารกิจ และยังสอนวิธีการนำเงินเข้ามาลงทุน สอนการซื้อสินค้าเพื่อให้ได้รับค่าคอมมิชชั่น ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้านั้นๆโดยหลังจากทำภารกิจสำเร็จจะสามารถถอนทั้งเงินต้นและยอดกำไรออกมาได้
ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงร่วมลงทุนทำภารกิจ โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารคนร้ายไปทั้งหมด จำนวน 10 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,713,617.80บาท เมื่อต้องการที่จะถอนเงิน จะยังไม่สามารถถอนเงินได้ คนร้ายจะอ้างด้วยเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเรื่อยๆ เช่น จะต้องโอนเงินเพื่อชำระค่าภาษี ค่าธรรมเนียมก่อนระบบล็อคต้องยืนยันตัวตนด้วยการโอนเงินเพื่อปลดล็อคหรือหากต้องการขยายเวลาชำระค่าภาษีต้องโอนเงินขั้นต่ำ 35% ตามยอดที่คนร้ายแจ้งถึงจะถอนเงินได้สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ไม่ได้รับเงินคืน จึงทราบว่าถูกหลอกลวงทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท.จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้
ต่อมาพ.ต.อ.กฤติน ตปสีโล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ส่งกำลังชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.ภาสกร กันประดับ และว่าที่ พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 บูรณาการร่วมกับชุดสืบสวน สภ.วัฒนานคร เข้าร่วมจับกุมตัว นายทรงกรดฯ อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดสระแก้วหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 3011/2566 ลงวันที่ 12 ก.ย.2566 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยควบคุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 10 ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า เมื่อประมาณ 1-2 ปีที่ผ่านมา จำวันเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ มีเพื่อนที่รู้จักเคยมาพักด้วยกันแอบนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์แล้วอีกวันต่อมาเพื่อนคนดังกล่าวนำโทรศัพท์มาให้ตนสแกนใบหน้า โดยตนทราบเพียงแค่ว่าเพื่อนนำบัตรไปใช้เปิดบัญชี แต่ไม่ทราบว่านำบัญชีไปใช้ทำอะไร และตนไม่ได้รับเงินค่าเปิดบัญชีจากบุคคลใดเลย จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหาย และจะเร่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน