2 ชายเร่ร่อน ซัดกันจนหัวปูด หลังแย่งสาวคนเดียวกัน ชาวบ้านเล่าวีรกรรม สุดจะทนจริงๆ

2 ชายเร่ร่อน ซัดกันจนหัวปูด หลังแย่งสาวคนเดียวกัน ชาวบ้านเล่าวีรกรรม สุดจะทนจริงๆ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 เวลา 11.20 น. ที่ผ่านมา ขณะที่ ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี กำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ สภ.เมืองอุดรธานี มีเหตุชาย 2 คนทะเลาะวิวาทกันจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่ริมถนนรังสรร ใกล้กับศูนย์ประชุมนานาชาติมณฑาทิพย์ฮอล์ เทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยสายตรวจ 191 และผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุพบนายหยาม อายุ 57 ปี ชาว อ.วังสะพุง จ.เลย กำลังเข็นจักรยาน ในมือถือเหล็กแหลมยาวประมาณ 1 เมตร ตามหลัง น.ส.เอ็ม อายุ 36 ปี ชาว อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี โดยมีนายใบ้ อายุ 52 ปี ชาว อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ สะพายกระเป๋าเป้เดินตามคนทั้ง 2 ส่งเสียงด่าทอกันดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อตำรวจไปถึง ได้สั่งให้ชายทั้ง 2 คน หมอบลงกับพื้น ก่อนให้ควบคุมตัว แต่โดยดี และนำตัวชายหญิงทั้ง 3 คน มาทำการสอบสวนต่อที่โรงพัก

จากการตรวจสอบนายใบ้ ให้การไม่ได้ แต่ได้รับบาดเจ็บที่หน้าผากบวมปูด หลังใบหูซ้าย มีคราบเลือดแห้งติดอยู่เต็มใบหน้า อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถานได้ทำแผลและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนนายหยาม ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่อย่างใด ต่อมาชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้มาสอบสวน น.ส.เอ็ม หลังจากได้รับแจ้งว่า น.ส.เอ็ม ลักกระเป๋าถือของลูกค้าโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี โดย น.ส.เอ็ม ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง

นายศิวกร จำปาทัศน์ อายุ 52 ปี หัวหน้า รปภ.ศูนย์ประชุมนานาชาติมณฑาทิพย์ฮอล์ เล่าว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ เห็นชายทั้ง 2 คน กำลังทะเลาะวิวาทกัน โดยมีผู้หญิง 1 คน ยืนอยู่ข้างๆ ทั้ง 3 คน เป็นคนเร่ร่อน มีอาชีพเก็บของเก่าขาย สร้างเพิงพักอาศัยอยู่ตรงจุดนั้นมานานแล้ว ซึ่งก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะนายหยามที่มักจะหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว เมื่อเห็นว่าวันนี้ทะเลาะกันรุนแรงจนเลือดออก ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ

นายหยาม เล่าว่า ตนอาศัยอยู่ที่เพิงพักกับ น.ส.เอ็ม และกำลังจะชวนกันออกไปเก็บเศษเหล็ก แล้วนายใบ้ได้เดินมาตาม น.ส.เอ็ม ให้ออกไปอยู่ด้วย ตนจึงออกมาปกป้อง น.ส.เอ็ม นายใบ้ ได้ถือเหล็กแหลมมาด้วย แล้วโยนสิ่งของใส่ตนเองและ น.ส.เอ็ม ตนเองโมโห จึงเข้าไปชกต่อยนายใบ้ น.ส.เอ็ม มาขออาศัยอยู่กับตน ตนก็ให้อยู่ด้วย ให้เขาช่วยซักผ้าให้ น.ส.เอ็ม เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายใบ้ นายใบ้จึงมาตามให้กลับไป แต่ น.ส.เอ็ม บอกว่าไม่อยากไปกับนายใบ้ เพราะเคยถูกทำร้าย

ด้าน น.ส.เอ็มฯ เล่าว่า ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีงานทำ ยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์กับทั้ง 2 คน และที่ไปอยู่กับนายหยาม เพราะถูกบังคับ ถ้าไม่อยู่ด้วยจะถูกทุบตี ตนจึงจำใจอยู่ ส่วนนายใบ้ตนก็เคยไปอยู่ด้วย วันนี้นายใบ้ได้ตามมาที่เพิงพักนายหยาม เพื่อตามตนกลับไปอยู่ด้วย คิดว่าเขาทั้ง 2 คน คงจะหึงหวงตน จนก่อเหตุทำร้ายร่างกายกัน ตอนนี้ตนเลือกนายใบ้ เพราะนายใบ้เป็นคนดีกว่านายหยาม ส่วนเรื่องที่ตนไปลักกระเป๋าที่โรงแรมตนยอมรับว่าทำจริง ข้างในมีเพียงเครื่องสำอางและเศษเหรียญประมาณ 11 บาท ที่ทำไปเพราะอยากหาเงินกลับบ้านเท่านั้น

เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายหยามฯ ประพฤติตนวุ่นวายเป็นภัยต่อสังคม และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนนายใบ้ มีหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวไปสอบสวนขยายผลอีกครั้ง เนื่องจากมีประวัติการก่อเหตุในหลายพื้นที่ และ น.ส.เอ็ม มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่ง ขณะเข้าไปลักกระเป๋าถือของลูกค้าโรงแรม แต่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ จึงทำประวัติ น.ส.เอ็ม และจากการสืบค้นพบว่า น.ส.เอ็ม เคยก่อเหตุเผาเพิงพักนายหยามมาแล้วครั้งหนึ่ง จนเกือบลุกลามไปเพิงข้างเคียง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ซึ่ง น.ส.เอ็มก็ได้ยอมรับว่าลงมือเผาจริง

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ