พ่อแม่ใจสลาย ลูกสาววัย 15 ไดเอทลดน้ำหนักเอาใจหนุ่ม สุดท้ายป่วยเป็น 14 โรคพร้อมกัน เสียชีวิตในที่สุด (ข่าวต่างประเทศ)
เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศ South China Morning Post ได้มีการรายงานเรื่องราวของ เซียวหลิง (นามสมมุติ) เด็กหญิงวัย 15 ปี ชาวเมืองตงกวน มณฑลกวางตุ้ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ซึ่งเธอตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขาปฏิเสธเธอ และไปชอบผู้หญิงที่ผอมบางกว่าเธอ จากนั้น เธอจึงเริ่มแผนการลดน้ำหนักด้วยการดื่มน้ำเปล่า ตั้งแต่ในช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอหมกมุ่นกับการลดน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีแรงจูงใจคือการได้รับความรักจากผู้ชายคนนั้น เมื่อพ่อแม่เห็นการกระทำของลูก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าลูกกำลังเข้าสู่วัยแรกรุ่น การลดน้ำหนักคงจะอยู่เพียงระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าร่างกายของลูกผอมลงเรื่อย ๆ แม่จึงพยายามทุกวิถีทางที่ แม้แต่ร้องขอ หรือข่มขู่ แต่มันก็ไม่ได้ผล
ทุกครั้งที่พ่อแม่ของบังคับไปโรงพยาบาล เธอจะต่อต้านอย่างรุนแรง พยายามกระโดดออกจากรถที่กำลังวิ่งอยู่หลายครั้ง ตีหัวตัวเองด้วยฝักบัว พยายามกระโดดออกจากหน้าต่างชั้นบน แต่พ่อแม่ก็พยายามจนพาเธอกลับไปคลินิกเอกชนได้สำเร็จ และลูกสาวของพวกเขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น อะนอเร็กเซีย เนอร์โวซา (Anorexia Nervosa) หรือโรคคลั่งผอม
แต่หลังจากการไปพบแพทย์ในครั้งนั้น เธอกลับเริ่มลดน้ำหนักแบบสุดขั้วมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งวันเธอจะกินแต่ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำ แต่ก็ยังพยายามใช้มือล้วงคอเพื่ออาเจียนหลังรับประทานอาหาร และพีกสุดคือช่วงกลางเดือนมีนาคม เธอดื่มแค่น้ำตลอด 50 วันติดต่อกัน กระทั่งหมดสติและถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน แพทย์พบว่าเด็กหญิงอายุ 15 ปี สูง 165 เซนติเมตร แต่หนักเพียง 24.8 กิโลกรัม ระบบหายใจของเธอล้มเหลว และมีภาวะทุพโภชนาการอย่างรุนแรง
จากนั้น เธอได้ถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญกว่า แพทย์ที่นั่นได้ตรวจร่างกายของเธอแล้วพบว่า เธอไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง มุมปากของเธอมีเลือดออก รูม่านตามีขนาดไม่สม่ำเสมอ และไม่มีแสงสะท้อนอีกต่อไป ซึ่งหมายความว่าก้านสมองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและอยู่ในอาการโคม่า นอกจากนี้ เธอยังต้องทนทุกข์ทรมานจากอีก 14 โรคที่เกี่ยวข้องกับร่างกายแทบทุกส่วนในเวลาเดียวกัน
เวลาพยาบาลจะพาเธอไปทำซีทีสแกน ต่างก็ตื่นตระหนก เมื่อพบว่าเธอตัวเบาราวกับผ้าห่มผ้าฝ้าย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับนิ้วแต่ละนิ้วแรง ๆ เพราะกลัวกระดูกของเธอจะเสียหาย ซึ่งหลังจากปรึกษากับแผนกโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา สรุปว่า เธอมีความผิดปกติของระบบเมตาบอลิซึม เนื่องมาจากการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง และสมองถูกทำลายอย่างรุนแรงเช่นกัน เพราะเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าคณะแพทย์จะพยายามยื้อชีวิตผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่นอนนิ่ง ๆ ไม่รู้สึกตัว หลังจากทำการรับษาห้องไอซียูกว่า 20 วันเนื่องจากอาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลง พ่อแม่ของเธอจึงตัดสินใจหยุดการรักษา และปล่อยลูกสาวไปตลอดกาล
ข้อมูล South China Morning Post
เรียบเรียง siamnews