ว่าแล้วทำไมรวยกว่าชาวบ้านเขา จับสาวโรงรับจำนำ เวียนทองหลอกบริษัท แฉวิธีทำ 2 ปี เสียหายกว่า 170 ล้าน
เมื่อวันที่ 3 มพราคม 2567 ที่ผ่านมา ที่ห้องสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รองผกก.ตม.จ.หนองคาย, พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นางสาวอ้อย (นามสมมุติ) ขอสงวนชื่อนามสกุล อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง
โดยจับกุมได้ขณะที่ น.ส.อ้อย เดินทางกลับจาก สปป.ลาว เข้าทำพิธีการผ่านแดน ระบบแจ้งเตือนเป็นบุคคลตามหมายจับ ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว อ.เมืองหนองคาย จึงควบคุมตัวไว้ และนำมาสอบปากคำ
โดยหญิงสาวรายดังกล่าวเคยทำงานเป็นพนักงานรักษาทรัพย์สินอาวุโสของบริษัทรับจำนำเอกชนรายหนึ่ง สาขาแจ้งวัฒนะ สามารถเบิกจ่ายทรัพย์สินในโรงรับจำนำของบริษัทได้ ซึ่ง น.ส.อ้อย ได้ว่าจ้างบุคคลอื่นให้นำเอาทองรูปพรรณที่มีคนนำมาจำนำไว้มาจำนำกับโรงรับจำนำ โดยหลอกว่าเป็นทองของตันเอง
เมื่อนำมาจำนำจะได้เงินคราวละ 30,000-50,000 บาท จ่ายค่าจ้างคนละ 500-1,000 บาท แล้วก็ลงบัญชีทรัพย์สินของโรงรับจำนำตามปกติ บางครั้งได้นำทองปลอมมาหลอกเก็บไว้กับโรงรับจำนำด้วย ทำเช่นนี้มานานกว่า 2 ปี ทางบริษัทเพิ่งตรวจสอบทราบว่าเป็นการยักยอกเมื่อเดือน ต.ค.66 เนื่องจากรายการทรัพย์สินจริงกับยอดในบัญชีไม่ตรงกัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 170 ล้านบาท
จากนั้นทางบริษัทได้แจ้งความไว้ ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ออกหมายจับ น.ส.อ้อย เมื่อ 27 ธ.ค.66 โดยมีเพื่อนอีกคนทำด้วยกัน แต่เพื่อนถูกจับไปก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.66 น.ส.อ้อย ได้เดินทางไปฉลองปีใหม่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว กับแฟนหนุ่ม และเดินทางกลับมาในวันนี้ จึงถูกจับกุมได้
โดย น.ส.อ้อย อ้างว่าที่ทำเช่นนี้เพราะติดพนันออนไลน์ หาเงินได้ก็นำไปเล่นพนันจนหมด หลังจากสอบปากคำลงบันทึกประจำวันแล้ว จะส่งตัว น.ส.อ้อย ให้พนักงานสอบสวนพื้นที่เกิดเหตุดำเนินการตามกฎหมายต่อไป