มีผลแล้ว! ก.อุตสาหกรรม บังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 รถเล็กเครื่องดีเซล-รถใหญ่ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 กระทรวงอุตสาหกรรม จะบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ขนาดใหญ่ ได้แก่ รถกระบะ รถบัส และรถบรรทุก ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ควบคู่กับการรักษาความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งยังสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ที่มีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด โดยตนได้สั่งการให้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการขอรับใบอนุญาต มอก. ได้ทันตามกรอบเวลาการบังคับใช้มาตรฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ และสร้างเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. ได้เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการขอรับใบอนุญาตตามมาตรฐานยูโร 5 เพื่อเปิดรับให้ยื่นคำขอตรวจประเมินระบบควบคุมคุณภาพของโรงงาน และคำขอรับบริการทดสอบผลิตภัณฑ์รถยนต์ ผ่านระบบ E-license ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์เฉพาะในการตรวจสอบเพื่อการอนุญาตสำหรับมาตรฐานยูโร 5 โดย สมอ. ยอมรับผลทดสอบให้สามารถนำมาใช้ในการขอการรับรองมาตรฐานได้
จากการเปิดรับคำขอผ่านระบบ E-license ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2566 มีผู้ประกอบการมายื่นขอรับใบอนุญาตแล้ว จำนวน 50 คำขอ รวม 25 ราย เช่น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
ทั้งนี้ สมอ. พร้อมออกใบอนุญาตสำหรับรถยนต์ตามมาตรฐานยูโร 5 ทันที เมื่อมาตรฐานมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ส่วนการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 สมอ. มีแผนจะบังคับใช้มาตรฐานดังกล่าว กับรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วันที่ 1 มกราคม 2568
สำหรับการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 กับรถประเภทอื่นที่เหลือ จะต้องพิจารณาดูความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ กับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมอีกครั้ง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย พัฒนาไปสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ในภูมิภาคอาเซียน เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ควบคู่กับการรักษาความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม