เช็กเลย! เงินสมทบประกันสังคม 2567 ผู้ประกันตนม.33 เตรียมจ่ายเพิ่ม

เช็กเลย! เงินสมทบประกันสังคม 2567 ผู้ประกันตนม.33 เตรียมจ่ายเพิ่ม

วันที่ 13 ธ.ค. 2566 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้มีการกำลังพิจารณา ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงสุด ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. ... เพื่อปรับปรุงเพดานค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูง ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ของผู้ประกันตนมาตรา 33 อัตราใหม่ ซึ่งอาจทำให้มนุษย์เงินเดือน ต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้น ซึ่งจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม ข้อมูลอัปเดต ณ เดือนตุลาคม 2566 มีจำนวน 11,833,086 คน

โดยประเด็นสำคัญ ของร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว จะกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ซึ่งจะมีการปรับตามกรอบเวลาแบบขั้นบันได 3 ระยะ ดังนี้

- ระยะที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 17,500 บาท จะจ่ายประกันสังคมสูงสุดที่ 875 บาท

- ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2572 จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 20,000 บาท จะจ่ายเงินประกันสังคมสูงสุดที่ 1,000 บาท

- ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2573 เป็นต้นไป จำนวนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,650 บาท และไม่เกิน 23,000 บาท จะจ่ายเงินประกันสังคมสูงสุดที่ 1,150 บาท

อย่างไรก็ตาม ภาระที่เพิ่มขึ้น ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากฐานที่ใช้ในการคำนวณเพื่อรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะคำนวณจากค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุนประกันสังคม ดังนี้

1. เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน

2. เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ 70% หรือ 30% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน

3. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน

4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 50% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน

5. เงินทดแทนการขาดรายได้ในกรณีว่างงาน 50% หรือ 30% ของค่าจ้างที่นำส่งเข้ากองทุน

6. เงินบำนาญชราภาพ ไม่ต่ำกว่า 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่นำส่งเข้ากองทุน โดยผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบ 15 ปี จะได้รับบำนาญ 20% ของค่าจ้าง ส่วนผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมากกว่า 15 ปี จะได้รับบำนาญเพิ่มอีก 1.5% ทุกการส่งเงินสมทบครบ 12 เดือน

สำหรับเงินบำเหน็จชราภาพจะได้รับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติเนื่องจากมีการนำส่งเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเพิ่มขึ้นจากการปรับฐานที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบ

ตัวอย่างผลประโยชน์ต่อผู้ประกันตน ในปี 2567

1. เงินทดแทนกรณีว่างงาน ผู้ประกันตนที่ค่าจ้างมากกว่า 17,500 บาท จะส่งเงินสมทบเดือนละ 875 บาท (เดิม 750 บาท) และจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น เช่น เงินทดแทนขาดรายได้กรณีว่างงานเพิ่มเป็นเดือนละ 8,750 บาท (เดิม 7,500 บาท) เป็นต้น

2. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย เพิ่มเป็น 292 บาท/วัน จากเดิม 250 บาท/วัน

3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ เพิ่มเป็น 8,750 บาท/เดือน จากเดิม 7,500 บาท/เดือน

4. เงินสงเคราะห์กรณีลาคลอด เพิ่มเป็น 26,250 บาท/เดือน จากเดิม 22,500 บาท/เดือน

5. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต เพิ่มเป็น 35,000 บาท/เดือน จากเดิม 30,000 บาท/เดือน

6. เงินบำนาญ โดยผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบ 15 ปี ได้รับเพิ่มเป็น 3,500 บาท/เดือน จากเดิม 3,000 บาท/เดือน ส่วนผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบมากกว่า 15 ปี ได้รับเพิ่มเป็น 6,125 บาท/เดือน จากเดิม 5,250 บาท/เดือน

ทั้งนี้กฎกระทรวงฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ได้กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งใช้บังคับมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2538 จนถึงปัจจุบัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ