เปิด 3 ห้างดังเปิดใหม่ส่งท้ายปี เขย่าศึกค้าปลีกให้เดือดระอุอีกครั้ง
ต้องบอกว่า ช่วงส่งท้ายปี 2566 นี้ ถือเป็นช่วงมหาฤกษ์มหาชัยที่บรรดาห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ แต่ละค่ายต่างทยอยออกมาเปิดให้บริการห้างใหม่กันอย่างคึกคักเลยทีเดียว หลังจากที่ซุ่มใช้เวลาช่วงที่เกิดโควิดและกำลังซื้อคนไทยยังบอบช้ำ ในการก่อสร้างและปรับปรุงใหม่ จะมีห้างไหนกันบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย
วันที่ 29 พ.ย. 2566 ทางเซ็นทรัลพัฒนา ประเดิมเปิด ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ย่านราชพฤกษ์ กทม. อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 40 และเป็นสาขาต้นแบบด้านความยั่งยืนแบบกึ่งเปิดโล่งเช่นเดียวกันเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ รวมถึงมีจุดเด่นอีกหนึ่งอย่าง คือ สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ มีร้านอาหารที่คนเข้าไปรับประทานในเมนูจานเดียวกับสัตว์เลี้ยงถึง 17 ร้านค้า จากมูลค่าโครงการรวม 6,200 ล้านบาท
วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ทางกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป ได้เปิดบริกาค ดิ เอ็มสเฟียร์ ย่านใจกลางเมือง ถนนสุขุมวิท กทม. ที่ใช้เงินลงทุนไปถึง 20,000 ล้านบาท ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของ ดิ เอ็มดิสทริค ที่ประกอบด้วยศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่รวมเอ็นเตอร์เทนเมนต์เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ และร้านอาหารที่เบื้องต้นเปิดให้บริการถึงตี 3
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 มากันที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากทยอยปรับปรุงเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่กลางปี 65 เพื่อต้องการสร้างให้บางกะปิกลายเป็นสยามแห่งตะวันออก ที่สอดรับกับความเจริญในย่านลาดพร้าว บางกะปิ ด้วยจุดเด่นด้านความเป็นศูนย์รวมของแบรนด์ญี่ปุ่นหรือเจแปนนิสฮับ ที่ดึงดูดคนไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ น.ส.วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บอกว่า ธุรกิจค้าปลีกปีนี้ ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก จากกำลังซื้อที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจไทย และการทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด ทำให้เกิดการลงทุนเมกะโปรเจกต์ใหม่ขึ่น เพื่อช่วยเพิ่มการจ้างงานและปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะเพิ่มโอกาสสร้างรายได้แก่ธุรกิจไทยมากขึ้นหลังจากนี้