บุกรวบขอทานชาวจีนกลางกรุงฯ โกยเงินวันละ 1 หมื่นบาท แถมมีคนไทยโผล่มาขอเคลียร์
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2566 สืบเนื่องจากกรณี กัน จอมพลัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พม. และตำรวจ สน.บางพลัด ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าย่านปิ่นเกล้า พบกับหญิงชาวจีนที่มานั่งขอทาน แต่หญิงคนนี้ ไหวตัวทันได้แอบหลบหนีเข้าไปอยู่ในห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า ตำรวจจึงเข้าไปเชิญตัวออกมา เมื่อตรวจค้นพบเงินเหรียญและธนบัตร 20 บาท รวมจำนวน 10,700 บาท คาดว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการนั่งขอทานตลอดทั้งวัน และไม่พบหนังสือเดินทาง
กัน จอมพลัง กล่าวว่า เคสนี้เป็นเคสต่อเนื่องจากที่เมื่อวานนี้ พลเมืองดีแจ้งเข้ามาว่ามีผู้หญิงนิ้วกุดทั้งสองด้านลักษณะถูกน้ำกรด นั่งขอทานอยู่ที่บริเวณหน้าห้าง ตนจะเข้าไปสอบถามแต่เขาก็ไม่ตอบและไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย จึงได้ประสานพม. และตำรวจสน.พญาไท จึงได้รับข้อมูลที่น่าตกใจว่าเป็นลักษณะคล้ายกับสัปดาห์ที่แล้วที่เจ้าหน้าที่พม. ไปจับกุมเป็นลักษณะพฤติการณ์ขอทานข้ามชาติ
โดยคนจีนทุกคนมีอายุมากกว่า 40 ปี จะใส่ชุดนักเรียนไทยเพื่อเรียกความสงสาร ต่อมามีหญิงชาวไทยคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นล่ามของขอทานคนจีน และมาขอเคลียร์กับตำรวจ พร้อมกับจ่ายเงินประกันเพื่อขอให้ปล่อยตัว แต่ตำรวจก็ไม่ได้มีการปล่อยตัวไปแต่อย่างใด
ทั้งนี้มีข้อมูลว่า ขอทานแต่ละคนจะได้เงินจากการขอทานวันละมากกว่า 10,400 บาท เฉลี่ยตกเดือนละ 1,800,000 บาท ต่อคนต่อเดือน จึงน่าสงสัยว่าเงินทั้งหมดไปอยู่ที่ใคร และต้องจับตาดูว่าล่ามคนดังกล่าวจะมาปรากฏตัวอีกหรือไม่ แถมพบความผิดปกติที่ร่างกายของขอทาน ลักษณะเหมือนถูกทำให้เป็นหรือเป็นเอง ซึ่งเข้าข่ายการค้ามนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับหญิงขอทานชาวจีน ให้การว่า ได้เข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาเพื่อมาประกอบอาชีพขอทาน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายภายในประเทศไทย ทั้งนี้ตนได้เลิกรากับสามีและมีลูกชาย 2 คน อยู่ที่ประเทศจีนจึงจำเป็นต้องดูแลหาเลี้ยงลูกชาย ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกาย อ้างว่าเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเด็ก
ทุกวันนี้อยู่แบบค่ำไหนนอนนั่น ซึ่งขัดแย้งเพราะมีกุญแจและคีย์การ์ดที่พบในกระเป๋า แต่ก็อ้างว่าเก็บได้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ส่วนชุดนักเรียนที่สวมใส่นั้น ตนพบตามท้องตลาดและเห็นว่าคนไทยใส่แล้วดูสวยดีจึงซื้อมาใส่ ทั้งนี้ เบื้องต้นตำรวจจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ และผลักดันขอทานต่างชาติกลับประเทศ และขึ้นแบล็คลิสต์ห้ามเข้ามาในประเทศได้อีกต่อไป