เป็นอีกหนึ่งปีที่แฟนนางงาม ตั้งตาเชียร์แบบถึงที่สุดในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ถึงขั้นเจ้าแม่นางงามอย่าง คุณปุ้ย - ปิยาภรณ์ เจ้าแม่มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์บอกว่าปีนี้เป็นปีที่ เชียร์สุดใจ เพราะถ้าต้องมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ท่ามกลางผู้เข้าประกวดที่มีความหลากหลายมากในปีนี้ ไม่ว่าจะมีหญิงสาวที่เป็นคุณแม่แล้ว มาร่วมประกวด 2 คนจากโคลอมเบียและกัวเตมาลา ซึ่งสาวงามจากโคลัมเบียสามารถทะลุเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายได้ สาวข้ามเพศ 2 คนจากเนเธอร์แลนด์และโปรตุเกส รวมทั้งสาวร่างใหญ่ที่จะมาบอกว่าทุกคนสามารถสวยได้ในแบบของตัวเองจากเนปาล

แอนโทเนีย ตัวแทนประเทศไทย สามารถทะลุเข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้าย โดยออกมาพร้อมกับชุดราตรีที่ขับสีผิวของเธอ และพร้อมกับการประกาศแนะนำตัวโดยย้ำถึงความตั้งใจของแอนโทเนียที่จะขับเคลื่อนพลังของผู้หญิง ให้ผู้หญิงสามารถยืนหยัดทางเศรษฐกิจ และมีอาชีพของตัวเอง

และแอนโทเนียก็ทะลุเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย โดยประเทศอื่นประกอบด้วย ออสเตรเลีย เปอร์โตริโก นิคารากัว โคลัมเบียและประเทศไทย ซึ่งได้ตอบคำถามที่ว่า ถ้าได้คุยกับเด็กที่ถูกบุลลี่ จะบอกว่าอย่างไร และคำตอบของเธอก็ทำให้เธอทะลุเข้ารอบ 3 คน สุดท้ายร่วมกับ ออสเตรเลีย และนิการากัว ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยคำตอบที่ว่า อย่าไปฟังเสียงคนที่บุลลี่เรา สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การฟังเสียงตัวเอง และลุกขึ้นมาจากนาทีที่ยากลำบากนั้น

สำหรับคำถามสำคัญที่จะเป็นตัวตัดสินคือคำถามที่ว่า ถ้าสามารถเป็นผู้หญิงคนอื่น 1 คนได้ 1 ปี อยากจะเป็นใคร โดยแอนโทเนียเลือกที่จะเป็น มาลาลา หญิงสาวชาวปากีสถาน ที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อการศึกษาให้กับผู้หญิง และเป็นเสียงสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และคำตอบที่เธอเพิ่งตอบไปก็ส่งให้เธอเข้าไปยืนเป็น 2 คนสุดท้ายกับสาวงามจากนิการากัว

และแล้ววินาทีประกาศผลก็เริ่มขึ้น หลังจากที่ประเทศออสเตรเลียคว้ารางวัลรองอันดับสองไป ก็เหลือระหว่างสาวงามจากนิการากัวว่าจะสามารถคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สมงแรกมาให้ประเทศได้หรือไม่ หรือจะเป็นแอนโทเนียที่จะสามารถคว้ามงสามมาให้กับประเทศไทย และตำแหน่ง Miss Universe 2023 ก็สวมมงให้แก่ สาวงามจากประเทศนิการากัว และแม้แอนโทเนียจะชวดตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไปเพียงนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย แต่นี่ก็เป็นอีกขั้นของการเดินทาง Miss Universe ประเทศไทยที่มาได้ไกลในรอบ 35 ปี