2หนุ่มโรงงานหอบหลักฐานร้องสื่อถูกขาใหญ่บางเสาธงตามชกถึงร้านฟาสต์ฟู้ด เหตุแค่เตือนขี่รถย้อนสร
วันที่ 15 พ.ย. 66 ที่ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนสมุทรปราการส่วนหน้า ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นาย ทาม และ นาย แม็ก นามสมมุติ เดินทางเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่าถูก ชายวัยรุ่นคู่กรณี บุกมาทำร้ายร่างกายในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ในอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมทั้งนำคลิปหลักฐานที่ทางเพื่อนถ่ายเอาไว้ได้ในขณะที่ถูกชายวัยรุ่นคนนี้ก่อเหตุ ชกต่อยที่ใบหน้าก่อนจะมีการต่อสู้กันภายในร้าน ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารภายในร้านต่างพากันหาที่หลบมุมกันจ้าละหวั่น
นายทาม (เบลอหน้าทั้งสองคน ) เล่าสาเหตุ ของการถูกชกต่อยในครั้งนี้ ว่า เมื่อช่วงเที่ยงเกือบบ่ายของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนเองและเพื่อนๆ เพิ่งเลิกงานและกำลังพากันไปรับประทานอาหารในร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งในอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างทางตนเองก็ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนเทพารักษ์ ขาออก จนมาถึงช่วงสะพานข้ามคลองผู้เฒ่า ประมาณ เทพารักษ์ 22 อยู่ๆ มีรถจักรยานยนต์ชายเสื้อดำเป็นผู้ขับขี่ ได้ขับย้อนสรขึ้นสวนบนสะพานมาจนเกือบเฉี่ยวชนกับรถของตนเอง พอหันไปมองก็สังเกตเห็นว่าชายคนดังกล่าวขับย้อนสรเพื่อไปเก็บแพมเพสที่ทำตกไว้กลางสะพาน โดยไม่สนใจรถที่กำลังใช้เส้นทาง และเกือบจะเกิดอุบัติเหตุ ด้วยความหวังดี ตนเองจึงเตือนชายคนดังกล่าวไปให้ถือหรือเก็บแพมเพสให้ดีจะได้ไม่หล่นกลางถนนแล้วต้องวนไปเก็บ แต่พอเตือนเพราะหวังดี ชายคู่กรณีกลับไปพอใจขับรถตามมาประกบและถามว่ามึงเก๋าหรอ มึงเด็กที่ไหน ซึ่งตอนแรกตนเองก็ไม่ได้จะอะไรและเพื่อนให้ขับรถต่อไป จนกระทั่งไปถึงสี่แยกการเคหะ ชายคนดังกล่าวยังขับรถตามมาหาเรื่องตรงสี่แยก แต่ด้วยตนเองไม่อยากมีเรื่องจึงชวนกันมาร้านอาหารเพื่อสั่งอาหารทานปกติ พอมาถึงชายคนดังกล่าวเดินตามเข้ามาก่อนจะเดินออกไป ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เกิดเหตุอะไร ผ่านไปไม่นาน ชายคู่กรณีย้อนกลับมาหาที่ร้านอาหารแล้วปี่เข้ามาหาเรื่องและชกเข้าที่กกหูของตนเองอย่างจัง จนต้องชกสวนกลับเพื่อป้องกันตัว เพราะในขณะนั้นตนเองเห็นว่าชายคนดังกล่าวพยามชักมีดออกมา ยังเคราะห์ดีที่ได้เพื่อนช่วยกันห้ามปราม
เช่นเดียวกับ นายแม็ก เพื่อนของนายทาม บอกว่า ตนเองและนายทาม ขับขี่รถกันมาคนละคันกระทั่งถูกตามมาทำร้ายถึงในอาหารจนตนเองต้องเข้าช่วยเพื่อนและถูกเพื่อนของชายคู่กรณีที่ไปกันมาก่อนหน้านี้ตอนแรกยืนคุมเชิงด้านนอกก่อนจะเข้ามาสมทบและชกต่อยใส่ตนเอง ทั้งนายทามและนายแม็กยืนยันว่าไม่เคยรู้จักรขายคนดังกล่าวหรือเคยมีเรื่องมีราวกันมาแต่อย่างใด
ล่าสุดนักข่าวเราลงพื้นที่ไปได้หลักฐาน ทั้งจากจุดเริ่มต้น จากภาพวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุจะเห็นว่ามีรถจยยของชายเสื้อดำตามคลิป ขับขี่ลงจากสะพานข้ามคลองก่อนจะวนรถย้อนสรขึ้นสะพานแล้วปาดหน้าจอดเก็บสิ่งของกลางถนน จากนั้นชายคนเสื้อดำ ได้ขับตามประกบผู้เสียหายเพื่อพูดคุยอะไรกันบางอย่าง ก่อนจะพากันแยกย้าย ไป ขณะที่กล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามจับภาพได้ไกลๆเช่นกัน ซึ่งจากหลักฐานกล้องวงจรปิดที่นักข่าวเราได้มานั้น ถือเป็นหลักฐานใหม่ ที่ทางทีมข่าวลงพื้น และได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมา ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายก่อนหน้านี้ ขณะที่กล้องภายในร้านฟาส์ตฟู้ดนั้นจับภาพพฤติกรรมป่าเถื่อนเย้ยกฎหมายของผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ชัดเจนเช่นกัน โดยหลังเกิดเหตุผู้เสียกายทั้งสองคนเดินทางเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสวบสวน สภ.บางเสาธง เพื่อให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายรายนี้เพื่อให้ดำเนินคดีกับชายผู้ก่อเหตุแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน นายเอกชัย ทองพูล อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุ เดินทางมายัง สภ.บางเสาธง เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางเสาธง และ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อมอบตัวรับผิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยผู้กำกับต้องนั่งหัวโต๊ะให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยและเจรจาตกลงกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่ง นายเอกชัย ยอมรับว่าหัวร้อน ที่ถูกอีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่กรณีที่อีกฝ่ายอ้างว่าพูดเพื่อเตือนเพราะหวังดี แต่นายเอกชัย อาจจะหูแว่วคิดว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องและพยามจะเปิดเบาะรถจักรยานยนต์ ด้วยความคาใจและอารมณ์ร้อน จึงขับขี่ตามาที่ร้านอาหาร ประจวบเหมาะเจอกับรุ่นน้องที่เคยรู้จักกันในวงกัญญา จึงบอกกับน้องว่าตนเองมีเรื่องมาช่วยหน่อย แต่ให้ยืนคุมเชิงด้านนอกกระทั่งปรากฏตามคลิป
นายเอกชัย บอกว่า ตนเองขับ รถจยย ออกมาซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้พ่อ แต่ขับเลยไปซื้อกัญชาด้วยเพราะตนเองเสพกัญชา ระหว่างทางรีบขับ จยย เพื่อเอาผ้าอ้อมสำเร็จรูปไปให้พ่อ โดยเอาไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ จยย แล้วมันปลิวหล่นกลางถนนจึงวนรถกลับไปเก็บ กระทั่งเจอคู่กรณีทั้งสองคน แล้วมีการตะโกนพูดใส่ตนเองซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าอาจหูแว่วไปได้ยินน้ำเสียงและคำพูดที่อาจไม่เข้าหู จึงทำให้หัวร้อนตามมาเอาเรื่องที่ร้านอาหารดังกล่าว ทั้งนี้ตนเองยอมรับผิดและขอโทษผู้เสียหาย ด้านผู้เสียหายก็ยกโทษไม่ติดใจเอาเรื่องแต่อย่างใด
ด้าน ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง จึงให้ทั้งสองฝ่ายจับมือยกโทษให้กันและกันและห้ามแก้แค้เอาคืนกันภายหลังเด็ดขาด โดยมีสักขีพยานเป็นผู้กำกับและนักข่าว ขณะที่ ทางกฎหมายผู้กำกับเผยส่าก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงกับอันตรายสาหัส ซึ่งมีโทษปรับ พนักงานสอบสวนได้ลงประวัติและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนเพื่อนของนายเอกชัยที่นายเอกชัยชักชวนมาร่วมก่อเหตุด้วยนั้นก็จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
บัณฑิต ชวาลา ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสมุทรปราการ