เมื่อวันที่ 13 ต.ค. น.ส.พิชยา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นำเอกสารศาลจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมนำคลิปหลักฐานขณะถูกทำร้าย เข้าร้องผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา โดยคลิปเป็นเหตุการณ์น.ส.พิชยา ใช้โทรศัพท์ถ่ายหญิงสาว(ผู้ฟ้อง) นั่งรถมากับสามีผู้ร้องสองต่อสอง แล้วฝ่ายหญิงผู้ฟ้องด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง เบื้องต้นน.ส.พิชยา เล่าว่า เคยเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แต่งงานมีลูก 1 คน วัยขวบเศษ ต่อมาสามีมีพฤติกรรมแปลกๆ และไม่ค่อยดูแลลูก จึงลาออกจากครูมาเลี้ยงลูก และขายแมลงทอดประทังชีวิต

น.ส.พิชยา เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้เริ่มระแคะระคายว่าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงในหมู่บ้านเดียวกัน จึงไปซื้อGPSติดรถสามีไว้ กระทั่งพบว่าไปหยุดค้างอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งเป็นประจำ แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัด จึงได้แค่บอกกับสามีว่ารู้นะว่าไปไหนเท่านั้น ไม่เคยไประราน หรือไปต่อว่าฝ่ายหญิงแม้แต่ครั้งเดียว จนมาวันหนึ่งเห็นทั้งสองนั่งรถมาด้วยกันโดยบังเอิญ จึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.พิชยา เล่าว่า ต่อมาตนได้รับหมายจากศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าถูกหญิงสาวคนดังกล่าว ฟ้องฐานหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาท รู้สึกตกใจมากเพราะไม่เคยเอาคลิปไปโพสต์ที่ไหน เพราะรู้ดี ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แค่เคยพูดกับสามีเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าสามีไปบอกฝ่ายหญิงต่อทำให้เกิดความแค้นจ้างทนายไปฟ้อง ตนเลยไปขอความช่วยเหลือทนายความในจังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก้ต่าง โดยทนายยอมช่วยแต่ขอค่าดำเนินการ 5,000 บาท ตนไม่ค่อยมีรายได้ จึงไปกู้รายวัน 10,000 บาท จ่ายค่าทนายความ 5,000 บาท เก็บไว้เป็นค่าเดินทางไปศาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก 5,000 บาท จึงมาร้องขอความเป็นธรรมให้สื่อช่วย เพราะไม่รู้ว่าคดีความจะเป็นอย่างไร เนื่องจากทราบมีการจ้างพยานเท็จเพื่อต้องการกลั่นแกล้งตนให้เสียเงินตามที่สามีตนเคยพูดไว้ลักษณะเยาะเย้ยว่า เดี๋ยวก็รู้