เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าว มีโอกาสพูดคุยกับ พรยมล พลขันธ์ อายุ 58 ปี พนักงานกวาดเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ผู้สร้างปรากฏการณ์คลิปไวรัล คนกวาดขยะขับรถหรูมาทำงาน โดยเมื่อไปถึงบ้านพักก็ต้องตกใจกับภาพที่ปรากฏ เพราะวิมานบนดินของป้าพนักงานกวดขยะรายนี้ เป็นบ้านทรงเรือนไทย ยกสูงแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรถจอดจำนวนมาก ตั้งอยู่ในซอยจตุโชติ 10 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ พบเจ้าตัวนั่งพูดคุยสนทนากับญาติๆ อยู่ในบ้าน

เมื่อสอบถาม พรยมล เล่าว่า ก่อนมาทำอาชีพพนักงานกวาด เคยทำอาชีพค้าขาย และเป็นช่างเสริมสวย ทำเล็บ ทำผมมาก่อน จุดเริ่มต้นที่มายึดอาชีพพนักงานกวาด เริ่มเมื่อประมาณปี 2534 แฟนสมัครเข้าไปเป็นพนักงานขับรถที่สำนักงานเขตลาดพร้าวก่อน จากนั้นชวนตนไปทำงานด้วย ก็เลยไปสมัครตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว พนักงานกวาด เงินเดือนตอนนั้น 2,350 บาท ไม่รวม OT ที่ได้เฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันละ 60 บาท ต่อมาได้บรรจุเป็นลูกจ้างประจำ เมื่อปี 2540 จนเงินเดือนปัจจุบันอยู่ที่ 22,000-23,000 บาท มี OT วันหยุดวันละ 420 บาท และรับสวัสดิการต่างๆ ด้วย

ส่วนรถที่ขับมาทำงานในภาพเป็นรถโตโยต้า คัมรี่ นั้นลูกๆ ซื้อไว้ใช้ที่บ้าน หลายคนมองว่าเป็นรถราคาแพง แต่ครอบครัวเราซื้อมือสองมาในราคาหลักแสนไม่ถึงล้าน ส่วนตัวปกติจะขับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ไปทำงาน แต่เนื่องจากนำรถไปซ่อม จึงเอารถลูกมาใช้ ทั้งนี้มองว่าใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะสะดวกในการไปทำงานมากกว่ารถโดยสารสาธารณะ ซึ่งต้องนั่งหลายต่อ เมื่อเทียบกับเงินค่าโดยสารเอามาเติมน้ำมันจะดีกว่า หากจะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานเหมือนเดิม ลูกๆ ก็เป็นห่วง ทั้งฝนตก

สำหรับการบริหารจัดงานเงินอย่างไรนั้น พรยมล เผยว่า หลังจากส่งเสียลูกทั้ง 2 คน เรียนจนจบระดับปริญญาตรี ก็เก็บออมเรื่อยมา รวมถึงมีการกู้เงินสร้างบ้านตามสวัสดิการ และเมื่อลูกๆ ทำงานก็ต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คนโตเป็นผู้ชายอายุ 32 ปี แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ส่วนคนเล็กเป็นลูกสาว อายุ 30 ปี

ขณะนี้เหลือเวลาทำงานในราชการอีก 2 ปี แต่ลูกๆ อยากให้ลาออกมาพักผ่อน อยู่กับหลาน เลยบอกกับลูกๆ ว่า แม่ขออีก 2 ปี ทำให้จบ แม่ชอบ แม่รักในอาชีพเรา อีก 2 ปี ก็ไม่มีโอกาสใส่ชุดพนักงานกวาดแล้ว เป็นชุดที่ภาคภูมิใจในอาชีพ และไม่ได้ใส่ง่ายๆ นะชุดนี้ แม่ไม่เคยอาย และยังภูมิใจ แม้ว่าไม่ได้เรียนจบปริญญาตรีแต่ก็รับราชการได้ แม่อยากทำงานนี้ให้สมความภาคภูมิใจ และมีเกียรติกับแม่มาก พรยมล กล่าวทิ้งท้ายอย่างภาคภูมิใจ

ขอบคุณ เดลินิวส์ ออนไลน์