คุณยายร้อง เก็บข่า 1 กำ ในที่สาธารณะ ถูกแจ้งจับข้อหาลักทรัพย์ เจอค่าปรับอ่วม

คุณยายร้อง เก็บข่า 1 กำ ในที่สาธารณะ ถูกแจ้งจับข้อหาลักทรัพย์ เจอค่าปรับอ่วม

คุณยายอายุ 70 ปี ที่จังหวัดสกลนคร วอนขอความเป็นธรรม หลังไปเก็บหน่อข่ามา 1 กำมือ เพื่อนำมาทำอาหาร โดยยืนยันว่าเก็บมาจากพื้นที่สาธารณะ แต่กลับถูกแจ้งความจับในข้อหาลักทรัพย์ ถูกเรียกค่าเสียหาย 5,000 บาท และยังถูกตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้ด้วย

ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านนาเหมือง ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร พบกับคุณยายอายุ 70 ปี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อความสะดวกในการนำทรัพย์นั้นไป

โดยคุณยาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนได้ไปเก็บหน่อข่าประมาณ 1 กำมือ ในบริเวณที่ดินสาธารณะใกล้ ๆ บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทั่วไปหาอยู่หากิน ซึ่งมีถนนกั้นระหว่างที่สาธารณะกับที่ดินมีโฉนด แต่ระหว่างนั้นมีคนโทรศัพท์ไปบอกคู่กรณี ซึ่งก็ได้ขับรถมาดู และเกิดการต่อว่าจนมีปากเสียงกันขึ้น จากนั้นตนก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับตน แถมยังถูกตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลาง จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม

ขณะที่หญิงคู่กรณี ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ก็ยืนยันว่า วันเกิดเหตุมีคนเห็นคุณยายเข้าไปเก็บหน่อข่าในที่ดินของคนในหมู่บ้าน ซึ่งตนได้ซื้อข่าในที่ดินแปลงนั้นไว้หมดแล้ว จึงถือเป็นทรัพย์สินของตน เมื่อไปเห็นคุณยายกำลังจะนำหน่อข่ากลับบ้าน จึงเกิดมีปากเสียงกันจริง ซึ่งตนก็ได้เรียกค่าเสียหายไป แต่เมื่อไม่ยอมชดใช้ จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี

ด้าน พ.ต.อ.ภิญโญ สุทธิสาร ผู้กำกับการ สภ.พังโคน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางผู้ใหญ่บ้านได้เป็นคนกลาง พยายามช่วยไกล่เกลี่ยมาแล้วหลายครั้ง แต่คู่กรณีไม่ยอมกัน เนื่องจากคนทั้งคู่ไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยฝ่ายหนึ่งยืนกรานจะเรียกค่าเสียหาย 5,000 บาท ขณะที่อีกฝ่ายก็ยืนยันว่าเก็บหน่อข่าในที่สาธารณะ ไม่ได้ทำผิด หากจะให้จ่ายค่าชดใช้เพียงเล็กน้อย สมเหตุสมผลเพื่อให้จบเรื่อง ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าต้องให้จ่ายถึง 5,000 บาท คงไม่ไหว เพราะฐานะยากจน

ส่วนเรื่องที่ตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้นั้น เป็นเพราะตรวจพบว่ารถถูกระงับทะเบียน หากมีเอกสารมายืนยันการครอบครองรถ ก็สามารถจ่ายค่าปรับ แล้วนำรถกลับคืนไปได้ ส่วนเรื่องคดีความ หากตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีก็คงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล ซึ่งได้กำชับพนักงานสอบสวนไปแล้วว่า ต้องให้ความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ